สมาคมนายหน้าอสังหาฯ เผยตลาดบ้านมือสองปี 56 โต 10-15% ห่วงปัญหาการเมืองกระทบการตัดสินใจซื้อบ้านมือสอง ย้ำลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อหากปัญหายืดเยื้อ คาดฉุดธุรกิจในช่วงไตรมาส 1-2 เตือนนายหน้าปรับกลยุทธ์ เหตุตลาดแข่งขันรุนแรง แจงยอดการซื้อ-ขายบ้านมือสองในตลาดเฉลี่ย 25% ต่อปี หรือ 7-8 หมื่นหน่วยจากซัปพลายในตลาด 3-3.5 แสนหน่วย
นายแพทย์สมศักดิ์ มุนีพีระกุล นายกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดบ้านมือสองปี 56 ที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต 10-15% โดยในช่วงปลายปีได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองบ้างเล็กน้อย แม้ว่าผู้บริโภคไม่มั่นใจสถานการณ์การเมืองทำให้มีการชะลอตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยออกไป สำหรับแนวโน้มของตลาดในช่วงปี 57 นั้นยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ เพราะต้องรอดูปัจจัยทางการเมืองว่าจะคลี่คลายไปในทิศทางใด หากสถานการณ์ยืดเยื้อเชื่อว่าจะส่งผลต่อตลาดอสังหาฯ มือสองแน่นอน เนื่องจากเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาการบริโภค และหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงจะส่งผลต่อภาคเศรษฐกิจของประเทศ
“เมื่อเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัวจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย คาดว่าปัญหาทางการเมืองน่าจะทำให้ตลาดบ้านมือสองในช่วงไตรมาสที่ 1-2 หดตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ดังนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจบ้านมือสองจะต้องทำงานหนักขึ้นกว่าสถานการณ์ปกติ เนื่องจากหากเปรียบเทียบจำนวนบ้านมือสองในตลาด และความต้องการซื้อนั้นยังมีความแตกต่างกันสูงมาก เพราะในตลาดมีสินค้าประมาณ 300,000-350,000 หน่วย แต่มีความต้องการซื้อประมาณ 25% หรือประมาณ 70,000-80,000 หน่วยต่อปี”
นายแพทย์สมศักดิ์ กล่าวว่า ด้านการแข่งขันของตลาดบ้านมือสองในปีนี้ ยังคงแข่งขันดุเดือดไม่แพ้บ้านใหม่ นอกจากบ้านประเภทต่างๆ ที่ประกาศขายแล้ว ยังมีทรัพย์จากกรมบังคับคดี และจากสถานบันการเงิน ในขณะเดียวกัน ในตลาดมีนายหน้าทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคลจำนวนมาก เนื่องจากเป็นอาชีพที่เข้ามาทำง่ายไม่มีกฎหมายควบคุมเหมือนกับธุรกิจอื่น และในอนาคตจะมีนายหน้าจากกลุ่มประเทศอาเซียนมาร่วมวงแข่งขันอีก ทั้งนี้ ปัจจุบันนี้มีนายหน้าต่างชาติเข้ามาทำงานในเมืองไทย โดยเฉพาะย่านถนนสุขุมวิท และเมืองท่องเที่ยวต่างๆ เช่น พัทยา ภูเก็ต สมุย เชียงใหม่ หัวหินฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีพระราชบัญญัตินายหน้าอสังหาริมทรัพย์ประกาศใช้ ทำให้สมาคมนายหน้าฯ ต้องมีบทบาทในการควบคุมการทำงานของสมาชิกที่เป็นองค์กรให้ปฏิบัติงานภายใต้จรรยาบรรณ และเป็นองค์กรทำหน้าที่เพิ่มศักยภาพให้นายหน้ามีความรู้ และความสามารถในการให้บริการลูกค้า ทั้งยังทำหน้าที่ช่วยปกป้องผู้ใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นผู้ซื้อ หรือผู้ขายให้ได้รับความเป็นธรรม และเป็นองค์กรที่ผู้บริโภคสามารถร้องเรียนได้หากได้รับความเสียหาย
“นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังเป็นศูนย์รวมของสมาชิกในการทำงาน และร่วมกันสร้างสรรค์องค์กรให้เป็นที่น่าเชื่อถือของประชาชน เนื่องจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอีก 1 ปีข้างหน้า สมาคมฯ เล็งเห็นว่าถ้านายหน้าอสังหาริมทรัพย์มีพระราชบัญญัติออกมาดูแล และควบคุม จะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือในสายตาของประชาชนผู้ใช้บริการ ซึ่งจะช่วยให้ปริมาณบ้านมือสองที่จะขายผ่านนายหน้าฯ มีมากขึ้น และเชื่อว่าจะกระตุ้นให้เจ้าของทรัพย์สินที่ทิ้งไว้อย่างเปล่าประโยชน์ถูกนำมาขาย ซึ่งจะช่วยลดแหล่งเสื่อมโทรม ที่สำคัญจะทำให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจโดยรวม”
