Q: ปัจจุบันมีลูกน้องผู้หญิง 1 คน อารมณ์เธอขึ้นๆ ลงๆ ล่าสุดอยู่มาวันนึงเธอไม่พูดกับผม (หน้ามือเป็นหลังมือ) แรกๆ พยายามคุยด้วยถามว่ามีอะไรหรือเปล่ามีอะไรอยากจะให้ปรับไหม เขาก็บอกว่าไม่มีอะไร ถึงพูดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ผมพยายามทำใจไม่ให้คิดอะไร แต่มันกวนใจผมมากเพราะหลายครั้งกระทบเรื่องงาน เขาพยายามทำอะไรโดยไม่ผ่านผมก่อน ผมปรึกษากับเจ้านาย เจ้านายบอกว่าสังเกตเห็นได้ว่าผมดูเครียดไปมาก และเจ้านายเองก็เคยได้สัมผัส attitude ของเด็กคนนี้มาบ้าง ทั้งได้ยินคนเล่าถึงเหตุการณ์ที่เขาเคยมีปัญหากับหัวหน้าคนเก่าๆ มาหลายคน (น้องคนนี้อยู่มานานกว่าผม) สรุปว่าเจ้านายเข้าใจและไม่คิดว่าผมปกครองลูกน้องไม่ได้ เพื่อนร่วมงานก็บ่นว่าอึดอัด ผมเครียด ไม่อยากมาทำงานเพราะบรรยากาศมันตึงเครียดมาก ผมคิดว่าได้พยายามมาหลายอย่างแล้ว อยากฟังความเห็นคนนอกบ้างครับ
A: ปัญหานี้มีหลายๆ มุมผสมกัน เวลาจะแก้ปัญหา น่าจะแยกประเด็นให้ชัดเจน หากเอามาผสมกัน อาจแก้ไม่ได้ คล้ายด้ายที่พันกันยิ่งดึงยิ่งแย่ ค่อยๆ แก้ทีละปม อาจแก้ได้ เท่าที่อ่านดูผมคิดว่ามีปัญหาอย่างน้อย 3 เรื่อง
1) ถามแล้วไม่พูด ("เขาก็บอกว่าไม่มีอะไร ถึงพูดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น")
2) ทำงานข้ามหัว ("เขาพยายามทำอะไรโดยไม่ผ่านผมก่อน")
3) ตัวเองรู้สึกเครียด กลัวว่านายจะหาว่าปกครองลูกน้องไม่ได้
แก้ไปทีละเรื่องแล้วกันครับ เรื่องแรก "ถามแล้วไม่พูด" - ประเด็นนี้ต้องสังเกตุดูว่าปกติเขาเป็นคนพูดน้อย ถามแล้วไม่พูดกับคนทุกคน หรือ เฉพาะกับเราเท่านั้นที่เขาไม่พูด หากเป็นกับทุกๆ คน อันนี้คงเป็นบุคลิกของเขา (บางคนต้องการเวลาคิดและไตร่ตรองมากกว่าบางคน) ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ ทางแก้คือให้คำถามไปล่วงหน้า ให้เวลากลับไปคิดแล้วค่อยตอบหรือเปลี่ยนเป็นการเขียนส่งมาทางอีเมลแทนการตอบด้วยวาจา อาจได้ผลขึ้น แต่ถ้าเขาเป็นอย่างนี้เฉพาะกับเราเท่านั้นกับคนอื่นไม่เป็น อันนี้น่าจะแก้ไขที่เราก่อน เป็นไปได้ไหม เขาไม่ไว้ใจเรา กลัวเรา หรือคิดว่าเราไม่ฟัง ไม่ใส่ใจ หรือไม่สนใจที่จะแก้ไข ถ้าเป็นเช่นนี้ อาจต้องใช้เวลา อย่าเพิ่งกดดันมากเกินไป ใจเย็นๆ ค่อยๆ สอบถาม เพื่อให้ทราบต้นตอของปัญหาที่แท้จริงว่าที่ไม่พูดติดอะไร เผื่อเราจะได้ปรับเปลี่ยนแก้ไขให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามหากพยายามแล้วยังไม่ได้ผล อาจต้องอาศัยถามจากเพื่อนๆ ของเขา หรือให้เพื่อนๆ ของเราถามแทน
ส่วนเรื่องการทำงานข้ามหัว อันนี้ต้องหาโอกาสพูดคุยกันตรงๆ บอกถึงประโยชน์ที่พนักงานจะได้รับหากนำงานมาพูดคุยหรือผ่านคุณก่อน เช่น "พี่จะได้ช่วยดูให้ก่อนที่จะเสนอหัวหน้าใหญ่ นอกจากนั้นถ้าหัวหน้าใหญ่สอบถาม พี่จะได้ช่วยตอบคำถามหรือแก้ต่างให้ได้ด้วย" อย่าพูดถึงแต่ประโยชน์ของเราเพียงอย่างเดียว เช่น "ถ้าไม่ผ่านพี่ วันหลังหัวหน้าใหญ่จะหาว่าพี่ไม่ช่วยดูงานของเธอ" เป็นต้น นอกจากนั้นคงต้องหาโอกาสคุยกับหัวหน้าของคุณด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าหากพนักงานคนนี้นำงานไปหาหัวหน้าโดยตรงโดยไม่ได้ผ่านคุณ หัวหน้าควรตีกลับมา เรื่องแบบนี้ต้องช่วยกันทั้ง 2 ทาง คุณทำคนเดียว ไม่สำเร็จ
ส่วนประเด็นสุดท้าย เป็นปัญหาของตัวคุณเองคือ "รู้สึกเครียด เกรงว่านายจะมองว่าปกครองลูกน้องไม่ได้" - เรื่องนี้ผมคิดว่าถ้ารู้สึกเครียดนิดหน่อย ต้องถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะความเครียดเป็นอาการของความเป็นห่วงเป็นกังวลในเรื่องที่รับผิดชอบ อยากทำให้ดี ...แต่ถ้าเครียดมากไป แบบนี้ไม่ดีแล้ว ระวังจะเป็นโรคประสาท ! ผมคิดว่าหากเราทำดีที่สุดแล้วและพูดคุยกับหัวหน้าอย่างสม่ำเสมอ หมั่น Update ให้หัวหน้าฟังว่าปัญหาคืออะไร เราได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง ผลลัพธ์เป็นอย่างไร แบบนี้ถือว่าเราทำในสิ่งที่เราควรทำแล้ว ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร คงไม่ต้องกังวลมากไป ตั้งใจทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่และดีที่สุด นอกจากนั้นให้หมั่นหันกลับมาสำรวจตัวเองเป็นระยะๆ ว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งมีเราเป็นสาเหตุด้วยหรือไม่ หากใช่ก็หาทางปรับเปลี่ยนแก้ไข หากไม่ใช่ ก็คลายกังวลลงซะ .... บอกตัวเองดังๆ ว่า "เราทำดีที่สุดแล้ว" !
หวังว่าคำแนะนำนี้คงเป็นประโยชน์บ้าง สุดท้ายขอฝากข้อคิดเล็กๆ ไว้ว่า
....ทุกปัญหา แก้ได้ หากใจคิด
ไม่ยึดติด กับวิธี ที่เคยผ่าน
หากเปิดใจ เร่งค้นหา วิธีการ
อาจพบพาน วิธีแก้ ดีแท้เอย..."
อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา
apiwut@riverorchid.com