Q: เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว หัวหน้าเรียกผมเข้าไปคุย แล้วบอกว่า เห็นศักยภาพในตัวผมและอยากให้ย้ายไปทำงานอีกแผนกหนึ่งทีมีลักษณะงานที่ท้าทายและน่าสนใจ แต่ผมค่อนข้างลำบากใจเพราะรู้สึกว่าตัวเองมี Style ในการทำงานที่ตรงกันข้ามกับหัวหน้าแผนกนั้น กลัวว่าถ้าย้ายไปทำแล้วจะทนไม่ไหวจนต้องขอลาออก จึงอยากจะขอคำแนะนำจากอาจารย์ว่าควรจะทำอย่างไรดีครับ
A: อยากให้มองว่าการทำงานในแต่ละช่วงเป็นบทเรียนชีวิตที่จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จปลายทางอย่างที่ปรารถนา เปรียบเสมือนการเรียนหนังสือในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย บางวิชาเราก็ชอบเนื้อหาแต่ไม่ชอบอาจารย์ บางวิชาเราก็ชอบอาจารย์แต่ไม่ชอบเนื้อหา อย่างไรก็ตามไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบ เราก็เรียนเพราะเชื่อว่าเมื่อเรียนได้ครบตามที่กำหนดไว้ จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จคือการจบการศึกษา เราคงไม่ตัดสินใจลาออกไปเพียงเพราะไม่ชอบอาจารย์หรือไม่ชอบบางวิชาที่ต้องเรียน...ใช่ไหม? ถ้าใช่ เหตุใดจึงคิดจะลาออกเพียงเพราะไม่ชอบหัวหน้าที่ต้องย้ายไปทำงานด้วย ทำไมไม่มองว่าเหตุการณ์นี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการเรียนหนังสือ บางทีเราเรียนเพื่อความรู้และความสำเร็จปลายทาง มากกว่าเรียนเพราะชอบอาจารย์ ... ถูกไหม ?
นอกจากนั้นเราจะรู้ได้อย่างไรว่าถ้าลาออกจากที่นี่ไปแล้ว ไปทำงานที่ใหม่จะไม่เจอหัวหน้าแบบนี้อีก และหากโชคร้ายไปเจอคนแบบเดียวกันอีก ก็จะลาออกอีกใช่หรือเปล่า ? แล้วชีวิตมันจะสำเร็จหรือจบสิ้นลงตรงไหน ฟังดูคล้ายๆ เหมือนวิ่งหนีปัญหาไปเรื่อย ๆ
ผมอยากให้ตั้งใจว่าเราจะเป็นคนที่ทำงานกับใครก็ได้ นายที่เก่ง นายที่ไม่เก่ง นายที่ชอบ นายที่ไม่ชอบ เราก็สามารถทำงานได้กับคนทุก ๆ สไตล์ สิ่งนี้เปรียบเสมือนเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้ชีวิตเราแข็งแกร่งขึ้นและประสบความสำเร็จมากขึ้นด้วย...เชื่อผม !
อย่าทำตัวเป็นกบเลือกนาย เพราะเราไม่รู้หรอกว่านายคนต่อไปจะดีกว่าคนนี้หรือเปล่า ดังนั้นสำหรับกรณีนี้แนะนำว่า...
1. ตกลงระยะเวลาที่จะย้ายไปทำงานใหม่ให้ชัดเจนว่าจะทำสักกี่ปี แต่อย่าลืมว่าไม่ว่าจะตกลงไว้อย่างไร ก็ต้องเข้าใจว่าอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน มันอาจไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้แบบ 100% คล้ายเราตกลงจะแต่งงานกัน ก็คงไม่สามารถการันตีได้ว่าถึงเวลาเราจะได้แต่งงานกัน...จริงไหม? เพียงแต่เราตั้งใจว่าเราจะทำอย่างที่คิดไว้...เมื่อเวลานั้นมาถึง...ก็เท่านั้น !
2. ระหว่างไปทำงานก็ตั้งใจทำให้เต็มที่ ถือว่าช่วงนั้นเป็นเวลาแห่งการเรียนรู้ เรียนรู้ที่จะทำงานกับนายที่มีสไตล์แตกต่างออกไปจากเดิม ผมเชื่อว่าคนทุกคนมีจุดดีของเขา หากเรามองหาจุดดีเราก็พอจะมองเห็นบ้าง งั้นเรียนรู้สิ่งที่ดีของเขา เราจะได้เก่งขึ้น
สุดท้าย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาเป็นครูเราได้เสมอถ้าเราพร้อมที่จะเรียนรู้ เหมือนกับที่เจ้านายเก่าเคยพูดว่า "เมื่อศิษย์พร้อมครูจะมา ศิษย์ไม่พร้อมครูไม่มี" แปลว่า ถ้าเราพร้อมเปิดใจเรียนรู้ ทุกอย่างในชีวิต ไม่ว่าดีหรือเลว ก็เรียนรู้จากมันได้เสมอ แต่ถ้าจิตใจไม่พร้อมไม่เปิดรับ ต่อให้มีคนเก่งที่สุดมายืนอยู่ตรงหน้า ก็ไม่ได้เรียนรู้ เพราะเราไม่พร้อม !
อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา
apiwut@riverorchid.com