พระนครศรีอยุธยา - เขื่อนเจ้าพระยาระบาย 2,800 ลบ.ม./วินาที ดันน้ำท่วมผักไห่ 16 ตำบลกว่า 7,500 ครัวเรือน บ้านหลายหลังจมน้ำ 4–5 เมตร ต้องใช้เรือเข้าออก นายก อบต.ท่าดินแดงชี้ “ชาวบ้านลำบากเกินทน” น้ำท่วม 100% ของตำบล วอนปรับระบบจัดการน้ำทั้งระบบ ไม่ให้ท่วมซ้ำทุกปี
วันนี้( 9 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เพิ่มอัตราการระบายน้ำลงท้ายเขื่อนเป็น 2,800 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อยเพิ่มสูงขึ้นอีกระลอก ท่วมบ้านเรือนริมฝั่งอย่างหนัก โดยเฉพาะอำเภอผักไห่ ซึ่งมีพื้นที่น้ำท่วมแล้ว 16 ตำบล 128 หมู่บ้านกว่า 7,556 ครัวเรือน
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ พบว่าระดับน้ำในแม่น้ำน้อยเพิ่มสูงถึง 4–5 เมตร ท่วมบ้านเรือนหลายหลังจนถึงชั้นสอง ชาวบ้านต้องใช้เรือเป็นยานพาหนะหลักในการเดินทางเข้า–ออก ความยากลำบากดำเนินต่อเนื่องนาน 4 เดือนเต็ม
นายณัฐธร มงคลร้อย นายก อบต.ท่าดินแดง เปิดเผยว่า ในตำบลมี 8 หมู่บ้านกว่า 600 ครัวเรือน และตอนนี้ถูกน้ำท่วม “ทั้งหมด 100%” พร้อมระบุว่าชาวบ้านต้องทนอยู่กับภาระเดือดร้อนมายาวนาน แต่เงินช่วยเหลือเฉลี่ยเดือนละ 2,000 บาท ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ
นายก อบต.ชี้ว่า พื้นที่ผักไห่—บางบาล—เสนา เป็นพื้นที่รับน้ำมานาน แต่ระบบการระบายไม่สอดคล้อง เมื่อทุ่งรับน้ำไม่ได้รับการระบายออก น้ำจึงย้อนเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนทุกปี
“ปัญหาตอนนี้คือแก้ไม่เคยยั่งยืน แก้ปีต่อปี ทุกปีน้ำมา ทุกปีต้องทน” นาย ณัฐธร กล่าว พร้อมระบุว่าถุงยังชีพหนึ่งถุงอยู่ได้เพียง 7 วัน และรอบล่าสุดระดับน้ำสูงขึ้นใกล้เท่าปี 2554 ทำให้ชาวบ้านเครียดหนัก
สถานการณ์ปัจจุบัน ชาวบ้านต้องปีนเข้า–ออกบ้านทางหน้าต่างเพื่อรับถุงยังชีพ พื้นที่ดินสำหรับยืนแทบไม่เหลือ หากน้ำสูงขึ้นอีกจะไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ อีกทั้งผู้สูงอายุจำนวนมากติดอยู่ในบ้านเป็นเวลายาวนาน เสี่ยงปัญหาสุขภาพและภาวะเครียดสะสม
นายก อบต.ท่าดินแดงทิ้งท้ายว่า ต้องการให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ไม่ใช่รอจนชาวบ้านต้องออกมาประท้วงจึงจะขยับ พร้อมเรียกร้องการจัดระบบบริหารจัดการน้ำที่ยั่งยืน ป้องกันไม่ให้เกิดน้ำท่วมซ้ำซากในอนาคต
