พระนครศรีอยุธยา – ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อยเพิ่มสูงต่อเนื่อง หลังเขื่อนเจ้าพระยาปรับการระบายน้ำเพิ่มเป็น 2,200 ลูกบาศก์เมตร/วินาที จากอิทธิพลพายุ “บัวลอย” ส่งผลพื้นที่ 11 อำเภอถูกน้ำท่วม ชาวบ้านกว่า 38,000 ครัวเรือนได้รับผลกระทบ ขณะที่เรือข้ามฝากเกาะเมืองอยุธยายังให้บริการ แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง
วันนี้( 29 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนจาก 2,100 เป็น 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เนื่องจากมีมวลน้ำไหลเข้าเขื่อนเพิ่มขึ้นจากอิทธิพลของพายุบัวลอย ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำน้อยและคลองสาขาทั่ว จ.พระนครศรีอยุธยา เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5 เซนติเมตร
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยรายงานว่า ขณะนี้มีพื้นที่ถูกน้ำท่วมแล้ว 11 อำเภอ 134 ตำบล 758 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อน 38,132 ครัวเรือน มีมัสยิดถูกน้ำท่วม 2 แห่ง ถนนในชุมชน 34 สาย สถานที่ราชการ 8 แห่ง โรงเรียน 20 แห่ง และวัด 25 แห่ง โดยอยู่ในพื้นที่ อ.บางบาล อ.เสนา อ.ผักไห่ และ อ.พระนครศรีอยุธยา พื้นที่การเกษตรเสียหายรวม นาข้าว 165 ไร่ ไม้ยืนต้น 175.86 ไร่ และพืชผล 47.46 ไร่
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ท่าเรือวัดขุนพรหม ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จุดให้บริการเรือข้ามฝากไปยัง ต.สำเภาล่ม พบว่าระดับน้ำแม่น้ำป่าสักที่ไหลรวมกับแม่น้ำเจ้าพระยา ยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง แม้กระนั้นประชาชนยังมาใช้บริการเรือข้ามฝากอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากช่วยลดระยะทางการเดินทางได้หลายกิโลเมตร
สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพระนครศรีอยุธยา ได้ติดตั้งป้ายขอความร่วมมือเพื่อให้ประชาชนใช้บริการอย่างระมัดระวัง ขณะที่คนขับเรือเปิดเผยว่า ขณะนี้กระแสน้ำแรงขึ้นจริง แต่ยังสามารถให้บริการได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องเพิ่มความรอบคอบมากขึ้น หากระดับน้ำเพิ่มสูงกว่านี้ อาจต้องมีการหารือเพื่อกำหนดมาตรการรองรับอีกครั้ง
ด้านลูกจ้างร้านอาหารริมแม่น้ำ เปิดเผยว่า น้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จากเมื่อคืนยังสามารถนั่งริมระเบียงได้ แต่วันนี้ต้องเก็บโต๊ะเก้าอี้ขึ้น เพราะน้ำท่วมถึงแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามสถานการณ์น้ำขึ้นน้ำลงว่าจะส่งผลมากน้อยเพียงใด
ทั้งนี้ พื้นที่เกาะเมืองอยุธยา โบราณสถาน และร้านอาหารริมแม่น้ำ ยังสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวและรับประทานอาหารได้ตามปกติ