กาญจนบุรี – กล้องวงจรปิดอุทยานทองผาภูมิ จับภาพสัญญาณเตือนความเคลื่อนไหวในป่าลุ่มน้ำชั้น 1A เจ้าหน้าที่ระดมกำลังซุ่มโป่งข้ามคืน รวบ 3 ผู้ต้องหาแก๊งลักลอบขุดดินร่อนทองคำ พร้อมของกลางดิน–หินปนแร่หนักกว่า 25 กิโลกรัม สารภาพนำขายร้านรับซื้อในหมู่บ้าน พบเป็นกลุ่มคนไร้สัญชาติ เตรียมดำเนินคดีหลายข้อหาหนัก
วันนี้( 27 ก.ย. ) นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยนายชุติเดช กมนณชนุตม์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ และ พ.อ.ปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้รับสัญญาณแจ้งเตือนจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งในพื้นที่แปลงตรวจยึด 13-3-68 ไร่ ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ บ้านปิล๊อกคี่ หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ ซึ่งเป็นป่าลุ่มน้ำชั้น 1A ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยเคลื่อนไหวในช่วงกลางคืน คาดว่าเป็นขบวนการลักลอบขุดดินร่อนแร่ทองคำ
เจ้าหน้าที่จึงวางแผนเข้าจับกุม โดยจัดกำลังเดินทางทั้งทางเรือและทางบกตั้งแต่เวลา 20.00 น. ของวันที่ 25 ก.ย. ไปดักซุ่มโป่งริมทางเดินห่างจากพื้นที่บุกรุกประมาณ 12 กิโลเมตร จนกระทั่งเวลา 03.30 น. วันที่ 26 ก.ย. พบชายคนหนึ่งใช้ไฟฉายคาดหัวเดินลงจากภูเขา เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ทราบชื่อ นายชัยเล็ก ธนูทอง อายุ 30 ปี ชาวกระเหรี่ยงไร้สัญชาติ จากนั้นเวลา 06.00 น. สามารถจับกุมเพื่อนร่วมแก๊งเพิ่มอีก 2 ราย คือ นายจอมือวา อายุ 24 ปี และ นายจอเลทู อายุ 17 ปี ทั้งคู่เป็นชาวกระเหรี่ยงไร้สัญชาติในพื้นที่เดียวกัน
จากการตรวจค้น พบของกลางรวม 17 รายการ น้ำหนักดินและหินปนแร่ทองคำกว่า 25.7 กิโลกรัม พร้อมอุปกรณ์ร่อนทอง เช่น กระสอบปุ๋ย ถุงพลาสติก กระปุกบรรจุดิน โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง มีดเหน็บ มีดพก และไฟฉายคาดหัว 6 อัน ผู้ต้องหาทั้ง 3 ให้การรับสารภาพว่า นำดินและหินที่ได้ไปจำหน่ายให้ร้านรับซื้อในหมู่บ้าน แต่ถูกจับกุมเสียก่อน
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาหนัก 5 กระทง อาทิ ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือครอบครองป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ทำลายหรือครอบครองป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 บุกรุกและเปลี่ยนสภาพพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เตรียมคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปิล๊อก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมตรวจสอบร้านรับซื้อในพื้นที่ต่อไป โดยคดีลักษณะนี้เคยมีผู้ต้องหาหลายรายถูกศาลพิพากษาจำคุก และหากศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ผู้ต้องหาซึ่งเป็นคนไร้สัญชาติจะถูกเพิกถอนสถานะและเนรเทศออกนอกประเทศหลังพ้นโทษ