ความภูมิใจของ “ป๋าเลี้ยงเด็ก” ได้พลิกบทบาทจากภาพจำทั่วไป มาเป็นผู้ให้โอกาสทางการศึกษาอย่างแท้จริง ผ่านเรื่องราวของนักศึกษากะเหรี่ยงไร้สัญชาติที่ได้ทุนเรียนจุฬาฯ จากการเป็นนักกีฬาหมากรุก แต่เงินยังชีพไม่พอใช้ ผู้โพสต์จึงยื่นมือเข้าช่วยอย่างบริสุทธิ์ใจ จนนักศึกษาคนนี้เรียนจบและกลับมาขอบคุณ นิทานชีวิตบทนี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของการให้โอกาสและเป็นอุทาหรณ์ที่แตกต่างจากสิ่งที่สังคมเข้าใจ
วันนี้ (13 ก.ย.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "ปป รวยกว่าย่อมดีกว่า" ได้ออกมาเล่าประสบการณ์การเลี้ยงเด็กที่ทำให้ตนเองชื่นใจ หลังได้ช่วยเหลือ "เด็ก" คนหนึ่งเป็นคนกะเหรี่ยงไร้สัญชาติ เป็นนักกีฬาหมากรุกที่ได้ทุนเรียนในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เงินทุนที่ได้เพียงเดือนละ 4,000 บาทไม่พอใช้จ่าย ผู้เขียนจึงตัดสินใจให้ทุนการศึกษาเพื่อช่วยเหลือในฐานะ "ป๋า" โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน โดยผู้โพสต์ได้ระบุข้อความเล่าว่า
"วันนี้มีความภูมิใจของผมเองอย่างหนึ่งจะมาเล่าสู่กันฟัง ว่าด้วยเรื่องการเลี้ยงเด็กนี่แหละ #บทความ
เนื่องจากว่า เพจ ปป รวยกว่าย่อมดีกว่า มี brand positioning เป็นป๋าเลี้ยงเด็ก ( ซึ่ง ได้มาโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ก็เลยทำให้ มี “เด็กๆ” นี่แหละ ที่ทักในเพจ ใน ไอจี ในไลน์ OA message มากกมายว่า “ป๋าเลี้ยงหนูไหมคะ” นี่แหละ ซึ่งคิวก็ยาวมาก จากภาคกลางไปถึงสุไงโกลก เลยมั้ง ผมเคยพูดไว้อย่างนั้น
ทีนี้ มันก็มีเด็กอยู่คนนึง ที่มาแบบเดียวกันนั้นแหละ ตอนนั้นเขาอยู่ปีหนึ่ง เขาก็ไม่มีเงินอย่างนี้นี่แหละ และก็อยากให้ป๋าเลี้ยงอย่างนี้แหละ แต่ว่า เด็กคนนี้เขาน่าสนใจและแตกต่างกว่าคนอื่น “ผมก็เลยดูแลให้ทุนการศึกษานั่นแหละ “ จนตอนนี้เขาเรียนจบปริญญาตรีแล้วครับ แล้วเขาก็กลับมาขอบคุณ ป๋า ทั้งๆ ที่ไม่ต้องมาก็ได้ และผมก็ไม่นึกว่าเขาจะมาแล้วด้วย เพราะก็เรียนจบแล้วนี่แล้วเราก็ไม่ได้เลี้ยงไว้ แบบที่ทุกๆ คนเขาชอบเขาใจกันไปเอง ผมแค่ “ให้เงินไว้ยังชีพ”
น้องเขาเป็นคนที่น่าสนใจมาก เพราะเขาเป็นคน กระเหรี่ยง ไร้สัญชาติ ที่เรียนที่คณะรัฐศาสตร์จุฬา โดยการได้ทุนนักกีฬา ครับ “เป็นนักกีฬาเล่นหมากรุก “ มันมีทุนนี้อยู่จริงๆ ที่เขาจะได้เรียนที่จุฬาด้วยทุน และนอนหอจุฬา และก็มีเงินกินข้าวเดือนละสี่พันบาทครับ ใช่ครับ สี่พันบาท มันก็เลยไม่พอนั่นแหละ ก็เลยอยากจะไปหาป๋าเลี้ยง ว่างั้นเถอะ
ผมยังคิดเลยว่า ดีนะที่มาเจอผมเลี้ยงไว้ ใครจะว่ายังไง ผมก็ไม่ฟังเลย มีแต่คนชอบกล่าวหาว่าผมเลี้ยงเอาไว้ ทำแบบนั้น แต่จริงๆ ผมไม่เคยจับเคยแตะ เคยยุ่งอะไรกับน้องเขาเลย ผมแค่ ดูแลไว้ เพราะผมคิดว่า ผมไม่อยากให้เด็กคนนี้ หลงไปทางที่ผิด น้องสู้มาได้ถึงขนาดนั้นแล้ว ณ วันที่ ผมเจอ ( และวันนี้เขาก็ยังสู้ด้วยตัวเองอยู่ ถ้าป๋าไปอุ้มมา คง spoil เสียคนไปอีกแบบเหมือนกัน)
ผมฝันตั้งแต่วันนั้นแล้วว่า ถ้าผมสามารถ ทำให้เด็กคนนึงที่ไม่มีสัญชาติ ไม่มีบัตรประชาชน ทำให้เขาเป็น ปลัดอำเภอ ปลัดจังหวัดอะไรได้ ผมคงภูมิใจมากๆ อย่างนึงของผมเลย (ดีกว่าไปเลี้ยงเด็กซี้ซั้วแบบที่ผมเคยทำ) คนไร้สัญชาติ ไม่ใช่คนต่างด้าว เขาเป็นคนที่ไม่มีทะเบียน ตกสำรวจ ไม่มีสิทธิได้ สวัสดิการอะไรทั้งนั้น เพราะไม่มีเขาอยู่ในระบบ จนวันหนึ่งรัฐเกิดอยากขึ้นทะเบียนคนพวกนี้ ก็เลย ออกสิ่งที่เรียกว่า “บัตรสิบปี” หรือ “บัตรขาว” มาให้ ซึ่งมันมีช่องทางที่จะไปทำบัตรประชาชนได้เหมือนกัน แต่ช่องนี้ มักเป็นช่องที่ คอรัปชั่น กินเงินกัน น้องเขาไม่มีเงินเขาก็ เป็นบัตรขาว อยู่อย่างนั้นแหละครับ จนเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งได้บัตรประชาชนกับเขาเหมือนกัน
ตอนนี้น้องก็ไปทำงาน อยู่ต่างจังหวัดเอง ไปอยู่ที่พักเอง ป๋าไม่ได้ดูแลแล้วมาตั้งแต่เรียนจบ เพราะสัญญากันว่าจะให้ทุนไปจนถึงเรียนจบนี่แหละ ผมก็ไม่คิดหรอกว่า น้องจะกลับมาไหว้ผมอีก ในวันที่เขาได้รับปริญญาแล้ว ตอนนี้จบ รัฐศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้วครับ
ผมรู้สึกว่า มันควรเป็นแบบอย่างของหลายๆ คนที่ มาหาป๋าเพราะอยากสบายเฉยๆ มาทางลัด ไม่ได้ช่วยตัวเองอะไรมาเลย แบบนั้นป๋าไม่เอาหรอกครับ และอีกอย่าง พวกนี้ชอบโกหก และอกตัญญูด้วย มาเอาของเขาแล้วยังด่าเขาอีก คนแบบนี้ไม่อาจพบความสุขความเจริญได้หรอกครับ ผมเชื่ออย่างนั้นครับ
ก็ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ อันนี้ไม่มีสาระอะไรเท่าไหร่ครับ แค่เป็นความภูมิใจของผมเฉยๆ ที่ นักเรียนคนนึงของผม เขาทำได้ดี "