บุรีรัมย์ - นายอำเภอนางรอง พร้อม จนท.บ้านพักเด็กฯ บุรีรัมย์และ ตร.รุดตรวจสอบข้อเท็จจริงพ่อเลี้ยงทำร้าย “น้องมาร์ค” เด็กยอดกตัญญูม้ามแตกเข้า รพ. ด้านพ่อเลี้ยงปัดไม่ได้เตะหรือทำร้ายแค่ใช้มือตีครั้งเดียวไม่แรงเมื่อ 3 ปีก่อนพร้อมท้าสาบาน อ้างไม่รู้สาเหตุเด็กปวดท้องและอาเจียนเข้า รพ. ทั้งไม่ได้เอาเงินบริจาคไปใช้ส่วนตัว เผยเหลือเพียง 1 หมื่น จนท.เจรจาขอลูกคนเล็กไปดูแลด้วย
วันนี้ (13 ต.ค.) ความคืบหน้ากรณีที่ผู้เป็นแม่เข้าแจ้งความที่ สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ว่า น้องมาร์ค นักเรียนชั้น ป.5 ลูกชายซึ่งเป็นเด็กยอดกตัญญู ถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายด้วยการเตะจนม้ามแตกต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลนางรองเป็นเวลาเกือบ 1 สัปดาห์นั้น อีกทั้งพ่อเลี้ยงยังมีพฤติกรรมนำเงินที่ผู้ใจบุญบริจาคช่วยเหลือในการสร้างบ้าน และเป็นทุนการศึกษาให้แก่น้องมาร์คเกือบ 80,000 บาท ไปใช้จ่ายส่วนตัว ปัจจุบันเหลือเงินเพียงประมาณ 10,000 บาทเท่านั้น
ล่าสุด น.ส.เพชรรัตน์ ภูมาศ นายอำเภอนางรอง พร้อมด้วย นายจักรกฤษ์ ร่วมกูล ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง และเจ้าหน้าที่จากบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.บุรีรัมย์ ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของน้องมาร์คตามที่มีการร้องเรียนและผู้เป็นแม่แจ้งความร้องทุกข์เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งได้พบกับ นายชัช (นามสมมติ) พ่อเลี้ยงของน้องมาร์ค ที่ถูกร้องเรียน อยู่กับญาติและลูกคนเล็กวัยขวบเศษ เนื่องจากภรรยา และน้องมาร์ค ทางเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กฯ ได้รับไปดูแลคุ้มครองก่อนหน้านี้แล้ว
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นนายชัช พ่อเลี้ยงที่ถูกกล่าวหาว่าทำร้ายน้องมาร์คจนต้องเข้า รพ. ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำร้ายน้องตามที่ถูกกล่าวหา และไม่รู้ว่าน้องเจ็บต้องเข้า รพ.เพราะสาเหตุอะไร ซึ่งเบื้องต้นตนได้ไปให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนจะได้เรียกสอบตามขั้นตอนอีกครั้ง เนื่องจากผู้เป็นภรรยา ซึ่งเป็นแม่ของน้องมาร์ค ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่าพ่อเลี้ยงทำร้ายน้องจริง ซึ่งเรื่องคดีต้องว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมาย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้พูดคุยเจรจากับนายชัชเพื่อขอรับตัวลูกคนเล็ก ซึ่งเป็นลูกแท้ๆ ไปอยู่ในความคุ้มครองดูแลของบ้านพักเด็กด้วย เนื่องจากภรรยาแจ้งว่านายชัชใช้ลูกคนเล็กเป็นข้อต่อรองเพื่อไม่ยอมหย่าหรือแยกทางตามความประสงค์ของภรรยา เนื่องจากภรรยาให้ข้อมูลว่าถูกนายชัชทำร้ายร่างกายเช่นกัน ซึ่งนายชัชยินยอมให้เจ้าหน้าที่นำลูกคนเล็กไปดูแลโดยไม่ได้ขัดขวางแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามนายชัช พ่อเลี้ยง ยืนยันว่าตนเองไม่เคยเตะน้องมาร์คเลย ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรน้องถึงปวดท้อง และอาเจียนจนต้องเข้า รพ. แต่ยอมรับว่าเมื่อประมาณ 3 ปีก่อนที่น้องมาอยู่ด้วยแรกๆ เคยใช้มือตีน้องไปแค่ครั้งเดียวแต่ไม่ได้รุนแรง หลังจากนั้นไม่เคยตีน้องอีกเลยแค่ดุเวลาน้องพูดไม่เชื่อฟังเท่านั้น สาบานได้ว่าไม่เคยเตะหรือทำร้ายน้องรุนแรงเลย คนในบ้านเป็นพยานได้
ส่วนเรื่องเงินบริจาคแม่ของน้องเป็นคนถือบัตร ATM เอง เวลาไปกดก็ไปด้วยกันไม่เคยเอาไปใช้ส่วนตัว ส่วนที่บอกว่าเอาไปซื้อจักรยานยนต์นั้นเป็นรถของแฟนคันหนึ่ง ซื้อ 2 หมื่นกว่าบาท ของตัวเองคันหนึ่ง แต่ของตัวเองใช้เงินตัวเองซื้อไม่ได้ใช้เงินบริจาคซื้อ แต่พอผู้สื่อข่าวถามว่าเงินเหลือเท่าไหร่ก็บอกว่าเหลือหมื่นกว่าบาทเพราะซื้ออุปกรณ์มาไว้ทำบ้านแล้ว
ขณะที่หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.บุรีรัมย์ให้ข้อมูลว่า หลังจากทาง รพ.รับเรื่องได้ประสานมายังบ้านพักเด็กและครอบครัว ซึ่งเบื้องต้นจากการสอบถามแม่ให้ข้อมูลว่าน้องได้ถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายจริง จากนั้นทางบ้านพักเด็กฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปรับตัวแม่และเด็กเข้ามาอยู่ในความคุ้มครองเพื่อดูแลเยียวยาสภาพจิตใจด้วย ส่วนปัญหาที่สามีไม่อยากหย่าหรือเลิกกับภรรยาแล้วได้นำลูกคนเล็กวัยขวบเศษไปเป็นข้อต่อรองนั้น ทางบ้านพักเด็กฯ ได้ร่วมกับอำเภอนางรอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพูดคุยกับผู้เป็นสามีแล้ว ซึ่งขณะนี้ได้รับทั้งตัวแม่ และลูกทั้งสองคนเข้ามาอยู่ในความคุ้มครองที่บ้านพักเด็กและครอบครัวแล้ว
ส่วนในเรื่องของการดำเนินคดีเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งบ้านพักเด็กฯ ไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย จะดูแลคุ้มครองสิทธิเด็กที่เกิดจากการถูกทำร้ายและปัญหาในครอบครัวเท่านั้น ในอนาคตอาจต้องส่งแม่และเด็กไปอยู่กับญาติ ตามความประสงค์ของผู้เป็นแม่ต่อไป