xs
xsm
sm
md
lg

กรมอุทยานฯ จับมือ ป.ป.ช.สอบที่ดินกว่า 400 ไร่ พบออกเอกสารสิทธิรุกที่อุทยานไทรโยค

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาญจนบุรี - กรมอุทยานฯ จับมือ ป.ป.ช. ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินกว่า 400 ไร่ พบออกเอกสารสิทธิรุกที่อุทยานไทรโยค ยุคหลังไฟไหม้ที่ว่าการอำเภอ ส่วนเจ้าหน้าที่ผู้รับรองมีแค่ 2 จาก 3 ราย เตรียมชงเรื่องให้กรมที่ดินเพิกถอน พร้อมชี้มูลความผิด จนท.รัฐ ม.157

วันนี้ (8 เม.ย.) นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยนายหิรัณย์เศรษฐ เหยี่ยวประยูร ผู้อำนวยการสำนักไต่สวนคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ป.ป.ช. นายนายสมเจตน์ จันทนา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.

ได้ร่วมกันลงพื้นที่ไปตรวจสอบแปลงที่ดินที่อยู่กลางหุบเขาท้องที่บ้านหาดงิ้ว หมู่ 5 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เนื้อที่ 459 ไร่เศษ ที่ดินบางส่วนอยู่ติดแม่น้ำแควน้อย มีการปรับพื้นที่ทำไร่สำหรับปลูกทุเรียนพันธุ์ดีหลายพันต้น โดยมีตัวแทนของผู้ครอบครองนำเอกสารการครอบครองเป็นเอกสาร น.ส.3 ก.จำนวน 8 ฉบับ มาแสดงพร้อมกับนำเจ้าหน้าที่ออกสำรวจตรวจสอบรอบแปลง


จากการตรวจสอบครั้งนี้เป็นไปตามนโยบาย ทส.ยกกำลัง 2+4 ของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ให้เจ้าหน้าที่ปฎิบัติงานหนักขึ้นเป็น 2 เท่าในการช่วยเหลือราษฎรทุกมิติทุกด้านและให้ปราบปรามการบุกรุกทำลายป่า

หรือการเข้าครอบครองที่ดินของนายทุนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างเด็ดขาดจากการวัดค่าพิกัดดาวเทียมจากเครื่อง GPS รอบแปลงเอกสาร น.ส.3 ก.ทั้ง 8 ฉบับ ผลปรากฏว่าที่ดินแปลงดังกล่าวนั้นอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค รวมทั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่ และป่าแม่น้ำน้อย และอยู่ในเขตป่าถาวร ตามมติคณะรัฐมนตรี พ.ศ.2516 เมื่อตรวจสอบแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลังก่อนประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2497 พบเป็นป่าเบญจพรรณทั้งแปลง และไม่เคยมีร่องรอยการเข้าทำประโยชน์แต่อย่างใด

สำหรับมูลเหตุของการเข้าตรวจสอบครั้งนี้นั้น สืบเนื่องมาจากเมื่อปี พ.ศ.2554 และปี พ.ศ.2557 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการตรวจสอบมาแล้วครั้งหนึ่ง และมีข้อสงสัยว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ทั้ง 8 ฉบับนั้นออกมาได้ด้วยวิธีใด เนื่องจากที่ดินอยู่ในเขตอุทยานฯ ที่ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิได้


จากการตรวจสอบเอกสารการครอบครองที่ดินทั้ง 8 ฉบับ ไม่สามารถตรวจสอบจากสารบบของกรมที่ดินได้ เนื่องจากเมื่อปี
พ.ศ.2534 นั้นที่ว่าการอำเภอไทรโยค ถูกไฟไหม้ทั้งหลัง ทำให้เอกสารเกี่ยวกับที่ดินเสียหายไปทั้งหมด ต่อมา จังหวัดกาญจนบุรี จึงประชุมหารือเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อลงพื้นที่สำรวจแปลงที่ดินให้แก่ประชาชนในการรับรองออกเอกสารฉบับให้มาทดแทน โดยมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ปลัดอำเภอไทรโยค เจ้าหน้าที่ป่าไม้อำเภอไทรโยค และเจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอไทรโยค

จากการตรวจสอบเอกสาร น.ส.3 ก.ทั้ง 8 ฉบับที่เข้าตรวจสอบแปลงที่ดินอย่างละเอียด พบว่าเป็นเอกสารการครอบครองที่ดินฉบับใหม่ แต่ปรากฏว่าคณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นมาเซ็นรับรองในเอกสาร น.ส.3 ก.เพียงแค่ 2 ฝ่าย คือ อดีตปลัดอำเภอไทรโยค และอดีตเจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอไทรโยค โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้อำเภอไทรโยคเซ็นรับรองด้วย ต่อมา พ.ศ.2562 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค นำหลักฐานและเอกสารเกี่ยวกับที่ดิน เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค  เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีต่อผู้ครอบครองที่ดิน ในข้อหาบุกรุก ยึดถือครอบครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค โดยไม่รับอนุญาต


พร้อมทั้งส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช.เพื่อให้ร่วมตรวจสอบหาหลักฐานในการดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 2 ราย ตามประมวลกฎหมายอาญาฐานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย มาตรา 157 รวมทั้งให้ดำเนินคดีต่อบุคคลที่มีส่วนร่วมในการสนับสนุนให้ออกเอกสาร น.ส.3 ก.โดยมิชอบอีกด้วย” นายนิพนธ์ กล่าว

นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ กล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ลงพื้นที่ตรวจสอบแปลงที่ดินอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น เป็นการลงพื้นที่ตรวจสอบในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อเตรียมไปพิจารณาชี้มูลความผิดต่อเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ราย และยังเตรียมชี้มูลให้กรมที่ดินเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) จำนวน 8 ฉบับ ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค ซึ่งที่ดินแปลงดังกล่าวมีนายทุนชาว อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เป็นเจ้าของ


กำลังโหลดความคิดเห็น