กาญจนบุรี - “ลุงจรูญ” ทำตามสัญญา ตั้งโต๊ะขออภัยครูปรีชา กรณีคดีหวย 30 ล้านบาท ผ่านสื่อเมื่อเวลา 20.45 น. หลังมีการไกล่เกลี่ยกันได้ โดยหมวดจรูญ ต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวเพื่อขอโทษครูปรีชา ออกสื่อภายในวันที่ 16 ธ.ค.63 คาดพรุ่งนี้ครูปรีชาถอนฟ้องตามนัด
จากกรณีนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือ หมวดจรูญ อดีตข้าราชการตำรวจ สภ.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ในคดีอาญาหมายเลขดำ ที่ อ.1863/61 ข้อหายักยอกทรัพย์ รับของโจร เนื่องจากทั้งคู่ต่างอ้างว่าเป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 เลข 533726 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ เป็นเงินจำนวน 30 ล้านบาท
ต่อมา วันที่ 4 มิ.ย.62 ศาลจังหวัดกาญจนบุรี พิพากษายกฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ แต่คดีย่อยที่ฟ้องแยกออกไปยังมีอีกหลายคดี โดยเฉพาะคดีที่ครูปรีชา ฟ้องหมวดจรูญ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาที่หมวดจรูญให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่บ้านพักส่วนตัวเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.62 ว่า "คนที่เลวโดยสันดาน การศึกษาก็ช่วยไม่ได้" จากนั้นวันที่ 1 ส.ค.62 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ
แต่ต่อมา ครูปรีชา ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้กลับคำสั่งศาลชั้นต้นว่าคดีมีมูล และรับเป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ1359/2562 และวันนี้ (2 ธ.ค.63) ศาลอุทธรณ์ได้นัดสืบพยานโจทก์นัดแรก แต่ก่อนจะมีการสืบพยานศาลได้ให้คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายไกล่เกลี่ยหาทางออกร่วมกัน สุดท้ายคู่กรณีระหว่างครูปรีชา กับหมวดจรูญนั้นสามารถไกล่เกลี่ยกันได้โดยให้หมวดจรูญ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเพื่อขอโทษครูปรีชา ออกสื่อภายในวันที่ 16 ธ.ค.63 ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้ว
ล่าสุด เมื่อเวลา 20.45 น.วันนี้ (16 ธ.ค.) ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ พร้อมด้วยนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความส่วนตัว ได้ตั้งโต๊ะขออภัยนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา ผ่านสื่อมวลชน ที่บ้านพักส่วนตัว เลขที่ 299/110 หมู่บ้านศิริชัยวังสารภี ซ.5 หมู่ 8 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
ทั้งนี้ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ปี 2562 ก่อนที่จะมีคำตัดสินคดีหวย 30 ล้านบาท ขณะนั้นลุงจรูญได้ทำการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่บ้านพัก และได้มีการพูดให้สัมภาษณ์ว่า “คนที่เลวโดยสันดานการศึกษาก็ไม่ช่วยอะไร” แต่ปรากฏว่าทางครูปรีชา ไปฟ้องต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรีว่า ลุงจรูญ ได้มีการกล่าวถึงครูปรีชาหรือเปล่า ซึ่งคดีก็สู้กันมา ซึ่งศาลชั้นต้นท่านบอกว่าครูปรีชาไม่ใช่ผู้เสียหาย เพราะคุณลุงจรูญ ไม่ได้ระบุชื่อว่าเป็นครูปรีชา
แต่เมื่อถึงชั้นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ก็บอกว่า เรื่องนี้อาจจะทำให้ครูปรีชาเสียหาย เพราะว่าในการให้สัมภาษณ์มีการพูดถึงเรื่องหวย 30 ล้านบาท และมีการพูดถึงครูปรีชาด้วย ซึ่งคำพูดนั้นอาจจะหมายถึงครูปรีชาก็ได้ จึงให้ย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นได้พิจารณา แต่ระหว่างที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีการพิจารณา ได้มีการไกล่เกลี่ย เพราะว่าท่านคงจะมองเห็นว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งจะทำให้เสียเวลาของคู่กรณีทั้งสองฝ่าย
ดังนั้น จึงได้ไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่ายว่าอยากให้เรื่องนี้มันจบไป แต่ทางลุงจรูญ บอกว่าไม่ได้หมายถึงครูปรีชา แต่ศาลท่านก็บอกว่าอะไรที่เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ถ้าผ่านไปได้ก็ขอให้ผ่านไป ให้เราไปมุ่งเน้นคดีหลักกันจะดีกว่า เช่นคดีที่มีการดำเนินคดีกันคือคดีหลักเรื่องหวย 30 ล้านบาท หรือเรื่องคดีที่จะไต่สวนในวันพรุ่งนี้ (17 ธ.ค.) คือเรื่องของการฟ้องเท็จ ซึ่งตัวลุงจรูญ ก็คิดว่าก็ดีเหมือนกัน เพราะเราจะได้ไม่ทำให้เสียเวลาของศาล และประหยัดเวลาของเรา ในการที่จะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัว จึงได้รับปากว่าจะจัดแถลงข่าวเพื่อขออภัยครูปรีชา จึงเป็นที่มาของการแถลงข่าวในวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาหมวดจรูญ ได้พูดขออภัยนายปรีชา ใคร่ครวญ โดยใช้ถ้อยคำตามที่ตกลงกันไว้ว่า “ตามที่ข้าพเจ้าเคยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2562 ว่า คนที่เลวโดยสันดานนี้ การศึกษามันช่วยไม่ได้หรอกนะ หากข้อความที่ให้สัมภาษณ์ดังกล่าวทำให้นายปรีชา ใคร่ครวญ ได้รับความเสียหาย ข้าพเจ้าขออภัย”
ส่วนในวันพรุ่งนี้ (17 ธ.ค.) จะมีอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น ทนายตั้ม เผยว่า คดีนี้ตามรายงานพรุ่งนี้ ครูปรีชาก็คงจะต้องไปถอนฟ้องตามที่ได้กำหนดกันเอาไว้คือเรื่องนี้ไม่มีใครถูกและไม่มีใครผิด ซึ่งคุณลุงจรูญก็ได้กล่าวขออภัย ส่วนครูปรีชาก็ไปถอนเรื่องออก ซึ่งก็จบไปแล้วอีกเรื่องหนึ่ง
ส่วนการไต่สวนกันต่อเกี่ยวกับการที่ ลุงจรูญ ฟ้องครูปรีชา และทนายความส่วนตัว ในข้อหาร่วมกันฟ้องเท็จ ซึ่งฝ่ายครูปรีชาได้ขอเลื่อนมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งพรุ่งนี้ก็คิดว่าคงจะไม่ได้เลื่อนอีกแล้ว หลังจากพรุ่งนี้ไต่สวนแล้วเสร็จ ศาลก็คงจะมีคำสั่งว่าคดีจะมีมูลหรือไม่ ถ้าหากมีมูลก็จะเข้าสู่ชั้นพิจารณา เอาหลักฐานของทั้งสองฝ่ายมานำเสนอต่อศาล หากศาลมีคำพิพากษาว่ามีความผิด ครูปรีชาและทนายความก็จะได้รับโทษ แต่หากศาลพิพากษาว่าไม่ผิด ก็ยกฟ้องไป ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับพยานและหลักฐานต่างๆ
“สิ่งที่เรามองว่าการที่ครูปรีชา มาฟ้องลุงจรูญว่ายักยอกทรัพย์ รับของโจร เรามองว่ามันเป็นเท็จ และการที่เราฟ้องไปเพราะเรารู้ว่าทางทนายความ และครูปรีชาทราบดีอยู่แล้วว่ามันเป็นเท็จ เราถึงฟ้อง ซึ่งฝ่ายเรามีความเชื่อเช่นนี้ถึงต้องใช้สิทธิทางศาล แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องรอให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน
ส่วนเรื่องของคดีหลัก ทราบว่าทางฝ่ายของครูปรีชา ได้มีการขอขยายฎีกาอยู่ ส่วนศาลชั้นต้น หรือศาลอุทธรณ์จะรับคำร้องอนุญาตให้ฎีกาหรือไม่ จะต้องรอให้ส่งฎีกาไปก่อนเราจึงจะรู้ว่าท่านจะอนุญาตหรือรับรองหรือไม่ หากไม่รับรองคดีหลักก็จบลงที่ศาลอุทธรณ์ แต่ถ้าหากรับรองคดีก็ขึ้นสู่ศาลฎีกา ซึ่งจะต้องใช้เวลาอีกพอสมควร