xs
xsm
sm
md
lg

ยังไม่จบง่ายๆ “ครูปรีชา” ถอนฟ้อง "หมวดจรูญ" ตามสัญญาแล้ว ส่วนทนายตั้มจ่อฟ้องพยานเอกอีก 5 ราย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาญจนบุรี - “ครูปรีชา” ถอนฟ้องหมวดจรูญ ตามสัญญาแล้ว ส่วนทนายตั้มจ่อฟ้องพยานเอกอีก 5 ราย คาดต้นปี 64 เริ่ม ด้านครูปรีชาเผยที่ถอนฟ้องเราอโหสิกรรมให้ซึ่งกันและกัน แต่ความจริงก็คือความจริง

จากกรณีนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ อดีตข้าราชการตำรวจ สภ.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ในคดีอาญาหมายเลขดำ ที่ อ.1863/61 ข้อหายักยอกทรัพย์ รับของโจร เนื่องจากทั้งคู่ต่างอ้างว่าเป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 เลข 533726 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ เป็นเงินจำนวน 30 ล้านบาท

คดีนี้ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้องหมวดจรูญไปแล้ว แต่อยู่ระหว่างการยื่นฎีกาของฝ่ายครูปรีชา ขณะเดียวกัน ยังมีคดีปลีกย่อยอีกหลายคดีที่ทั้งสองฝ่ายฟ้องกันไปมา เช่นคดีที่หมวดจรูญ ฟ้องครูปรีชา และนายวรยุทธ ทนายความส่วนตัว ในข้อหาร่วมกันฟ้องเท็จ ซึ่งศาลจังหวัดกาญจนบุรีได้นัดไต่สวนมูลฟ้องในวันนี้ (17 ธ.ค.) เมื่อถึงเวลานัดหมาย ทั้งสองฝ่ายเดินทางมาที่ศาลในเวลาไล่เลี่ยกัน สำหรับการไต่สวนมูลฟ้องในครั้งนี้เริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 10.00-16.00 น.โดยไต่สวน ร.ต.ท.จรูญ วิมูล (โจทก์) เพียงปากเดียวเท่านั้น

ทั้งนี้ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เปิดเผยว่าวันนี้ ศาลได้นัดนัดสืบพยานโจทก์ ในคดีที่คุณลุงจรูญ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ครูปรีชา และทนายวรยุทธ ทนายความส่วนตัว ในความผิดฐานร่วมกันฟ้องเท็จ ซึ่งการสืบพยานโจทก์ในวันนี้มีเพียงปากเดียว คือ ตัวของลุงจรูญ หลังจากไต่สวนแล้วเสร็จ ศาลจังหวัดกาญจนบุรีได้นัดฟังคำสั่งในวันที่ 11 ก.พ.64

ขณะเดียวกัน ลุงจรูญ เตรียมที่จะฟ้องดำเนินคดีกับกลุ่มพยานฝ่ายครูปรีชา ที่หวังจะเอาผิดกับลุงจรูญ จำนวน 5 คน ประกอบด้วย ครูปรีชา เจ๊บ้าบิ่น เจ๊พัช เจ๊เกียว และนายแผน ส่วนจะมีใครอีกหรือไม่นั้นจะต้องไปปรึกษากันก่อน คาดว่าจะเริ่มฟ้องพยานทั้ง 5 รายได้ประมาณต้นปี 64

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด เมื่อเวลา 17.30 น. นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา และนายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความส่วนตัว ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนที่ร้านอาหารสวนครูปรีชา หมู่ 3 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยนายวรยุทธ บุญวงศ์ใส เปิดเผยว่าวันนี้ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้นัดพิจารณาคดีสองเรื่อง

เรื่องแรกคือ เรื่องที่มีการตกลงประนีประนอมกันในกรณีที่ครูปรีชาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องหมวดจรูญ ในข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งได้ทำการไกล่เกลี่ยและสามารถประนีประนอมกันได้ แต่มีข้อแม้ว่าหมวดจรูญ จะต้องไปตั้งโต๊ะแถลงข่าวให้มีบรรยากาศเสมือนกับวันที่แถลงข่าวครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 พ.ย.62 เมื่อถึงเวลาปรากฏว่า ฝ่ายหมวดจรูญ ได้นำคลิปภาพเสียงการแถลงข่าวมาแถลงต่อศาลว่าได้ปฏิบัติตามสัญญาแล้ว ส่วนถามว่าพอใจหรือไม่จะต้องให้ครูปรีชาเป็นคนตอบ

สำหรับเรื่องที่สอง คือกรณีที่หมวดจรูญ ฟ้องครูปรีชา เป็นจำเลยที่ 1 และตัวผมเป็นจำเลยที่ 2 ในข้อหาร่วมกันฟ้องเท็จ เกี่ยวกับคดีหลัก โดยอ้างว่าเรานำความเท็จไปฟ้องต่อศาล ซึ่งเราก็ได้ยืนยันต่อศาลว่าสิ่งที่เราไปพูดนั้นเราฟ้องไปตามข้อเท็จจริง และเป็นการใช้สิทธิทางศาล

โดยบรรดาพยานหลักฐานต่างๆ ที่มาเบิกความสนับสนุนทั้งหมด จำนวน 9 ปากที่อยู่ในตลาดเรดซิตี้ ก็ยังยืนยันเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นชั้นคณะกองปราบ หรือแม้กระทั่งภาค 7 และหรือแม้กระทั่งในชั้นศาลทุกคนก็ยังยืนยันเหมือนเดิม โดยที่ไม่มีพยานปากไหนจะเปลี่ยนแปลงคำพูดของตัวเองว่าเห็นคุณครูไปเดินตลาดเรดซิตี้ในวันที่ 31 ต.ค.60

แต่อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ฝ่ายผมได้มีการซักค้านในฐานะฝ่ายถูกฟ้อง โดยได้มีการซักค้านพยานจนเสร็จ จากนั้นศาลได้มีการนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในวันที่ 1 ก.พ.64 ในส่วนของคดีหลักที่กำลังยื่นฎีกานั้น กำลังจะหมดเวลาลงในวันพรุ่งนี้ (18 ธ.ค.) แต่เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา เราได้มีการขอขยายเวลาเอาไว้ ซึ่งก็ต้องรอคำสั่งศาลว่าท่านจะอนุญาตให้ขยายออกไปหรือไม่ ในส่วนของคดีนี้เชื่อว่าจะสามารถฎีกาได้ภายในปีหน้า

ครูปรีชา กล่าวว่า ครูเพิ่งเห็นภาพข่าวที่ศาลเมื่อช่วงเช้านี้เอง โดยคืนที่ผ่านมาได้นั่งดูข่าวจากทีวีทุกช่อง แต่ไม่เห็นมีข่าวออกเลยสักช่องหนึ่ง จึงได้สอบถามทนายความฝั่งหมวดจรูญ เขาตอบว่าได้แจ้งแล้วแต่นักข่าวไม่มา ซึ่งก็บอกเขาไปว่าไม่เป็นไร เพราะเท่าที่ได้ดูหัวข้อที่ได้ตกลงร่วมกัน พบว่าข้อมูลคำขออภัยที่ออกมามีข้อมูลที่ตรงกัน แต่ได้ติติงไปเกี่ยวกับเรื่องบรรยากาศ และการจัดโต๊ะแถลงที่ไม่เสมือนวันจริงที่แถลงข่าวในครั้งแรก

สุดท้ายก็อยากจะฝากไปถึงท่านผู้ชมที่ได้ชมข่าวในค่ำคืนนี้ว่า สิ่งที่ผมฟ้องคุณลุงจรูญในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา อยากจะฝากให้แง่คิดกับทุกท่านว่า การที่ทุกท่านจะโพสต์ข่าวสารลงในโลกโซเชียล เป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่น ซึ่งทุกคนมีสิทธิใช้สิทธิตามกฎหมาย และเรื่องนี้ผมก็ได้ใช้สิทธิตามกฎหมาย แต่เราก็ได้อโหสิกรรมซึ่งกันและกันแล้วครับ แต่ความจริงก็คือความจริง


กำลังโหลดความคิดเห็น