รัฐสภา - วันนี้ (2 ธ.ค.) ที่ห้องประชุม 408 อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) ดร.บุญลือ ประเสริฐโสภา ประธานคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานประชุมคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 30 มีกรรมาธิการกีฬาสภาผู้แทนราษฎร ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญเข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง
การประชุมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 30 มีการพิจารณารายงานผลความคืบหน้าในการดำเนินงานของคณะอนุกรรมาธิการกีฬา 2 คณะ ประกอบด้วย คณะอนุกรรมาธิการติดตามผลกระทบทางด้านการกีฬาเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดย ดร.เอกการ ซื่อทรงธรรม เป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการฯ และคณะอนุกรรมาธิการศึกษาพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ.2542 โดย ส.ส.ดร.สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ เป็นประธานอนุกรรมาธิการฯ
ดร.เอกการ ซื่อทรงธรรม ประธานคณะอนุกรรมาธิการติดตามผลกระทบทางด้านการกีฬาเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กล่าวว่า คณะอนุกรรมาธิการฯ นี้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 เป็นการศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นในวงการกีฬาเพื่อดำเนินการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งได้ประชุม 9 ครั้ง พร้อมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือ ทำการศึกษาผลกระทบตั้งแต่เริ่มมีการกระบาด และประกาศพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ถึงปัจจุบัน
โดยศึกษาความต้องการและความคาดหวังของภาคส่วนกีฬาที่ภาครัฐจะสามารถส่งเสริมสนับสนุนในช่วงระยะฟื้นฟูเร่งด่วนช่วงเดือนสิงหาคม- ธันวาคม และศึกษาความต้องการและความคาดหวังของภาคส่วนกีฬา ที่ภาครัฐและภาคเอกชนสามารถสนับสนุนช่วงฟื้นฟูให้ความยั่งยืนตลอดปี 2564
ดร.เอกการ กล่าวว่า คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้ผลักดันให้การกีฬาแห่งประเทศไทย และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ได้ใช้กฎหมายดังกล่าว ผลปรากฏว่า ในการประชุมครั้งที่ 9 มีมติร่วมกันให้กองนิติการการกีฬาแห่งประเทศไทย ศึกษากฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อวางหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการให้ยืมเงิน ตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558
กกท.จะจัดทำแนวทางและขั้นตอนทางกฎหมายในการใช้เงินกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติเพื่อให้นักกีฬาและบุคลากรทางการกีฬาได้กู้เงินหรือให้ยืมเงิน ซึ่งจะมีการยกร่างหลักการเหตุผล เสนอผู้ว่าฯ กกท. และขออนุมัติตามลำดับตามขั้นตอน ที่จะมีการหารือกับผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติเพื่อแก้ไขระเบียบคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ให้สามารถนำเงินกองทุนมาใช้กับนักกีฬาให้มากที่สุด
“สิ่งที่เกิดขึ้นถือได้ว่า การใช้กฎหมายที่จะเป็นประโยชน์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการฯ จะยังคงติดตามเพื่อให้ได้ร่างที่ชัดเจน และหากสำเร็จในอนาคต กรณีนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ต่อวงการกีฬา ที่ยังจะแบ่งเบาภาระให้แก่รัฐบาลในการดูแลนักกีฬาที่ได้รับผลกระทบต่อไป” ดร.เอกการ กล่าว
ด้าน ส.ส.ดร.สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ.2542 กล่าวว่า คณะอนุกรรมาธิการศึกษาพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ.2542 ได้จัดประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 ถึงปัจจุบันรวมจำนวน 13 ครั้ง แบ่งภาระกิจเป็น 2 รูปแบบ คือ การพิจารณารับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานรัฐและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในวงการกีฬามวยที่ขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย จำนวน 7 กลุ่ม
ประกอบด้วย นักมวย อายุ 15-17 ปี และนักมวยอายุ 18 ปีขึ้นไป ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน ผู้จัดการมวย ผู้จัดรายการแข่งขัน นายสนามมวยและหัวหน้าค่ายมวย ได้อภิปรายถึงปัญหาอุปสรรคของหน่วยงานรัฐผู้บังคับใช้กฏหมายและหัวหน้าค่าย ตั้งแต่คำนิยามของคำว่า “กีฬามวย” และสิ่งที่บัญญัติในการจำกัดอายุนักมวยต้องมีอายุ 15 ปี ขึ้นไปถึงจะขึ้นชกได้ ทั้งที่การฝึกมวยจะเริ่มตั้งแต่อายุ 8 ปี และการพิจารณากำหนดให้มีอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสมให้แก่นักมวยเด็กเมื่อแข่งขันกีฬามวยให้มีมาตรฐานสากล
ประเด็นสำคัญ มีการนำเสนอให้แยกกองทุนกีฬามวยออกจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ให้ตั้งคณะกรรมการผู้ติดสินกีฬามวยที่เป็นคณะกรรมการกลาง แก้ไขโครงสร้างกีฬามวยใน กกท.และกำหนดบทลงโทษกรณีล้มมวยอย่างชัดเจนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม การบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.กีฬามวย พ.ศ.2542 ควรคำนึงถึงนักมวยต่างชาติที่เข้ามาแข่งขันกีฬามวยในประเทศไทย ให้ได้รับสิทธิและประโยชน์
รวมถึงการคุ้มครองจากการแข่งขันมวยในประเทศไทย การพิจารณาศึกษาข้อกำหนดเกี่ยวกับวันพักหลังจากการขึ้นชกมวย และการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.กีฬามวย พ.ศ.2542 ควรมีการจัดเสวนารับฟังความคิดเห็นของบุคลากรในวงการมวยอย่างทั่วถึง
ทั้งนักมวย หัวหน้าค่ายมวย ผู้จัดการแข่งขันและผู้ฝึกสอนกีฬามวย เพื่อให้มีกฎหมายที่ใช้บังคับแก่บุคลากรกีฬามวยอันเป็นที่ยอมรับจากทุกกฝ่ายในวงการกีฬามวย
ส.ส.ดร.สิริพงศ์ กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญในการแก้ไขกฎหมาย คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้เปิดกรอบกฎหมายเพื่อทำการคุ้มครองมวยเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีลงมา เพื่อหาแนวทางปรับปรุงเพื่อบัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.กีฬามวย พ.ศ.2542 ซึ่งจะครอบคลุมไปถึงกฎ กติกาในการชกมวยให้เกิดความปลอดภัยและให้มวยเป็นกีฬาประจำชาติไทยสืบไป
ด้าน ดร.บุญลือ ประเสริฐโสภา ประธานคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การทำงานทั้ง 2 อนุกรรมาธิการนั้น ในด้านคณะอนุกรรมาธิการติดตามผลกระทบนักกีฬาจากสถานการณ์ “โควิด-19” และ คณะอนุกรรมาธิการ พ.ร.บ.มวย” ยังต้องทำต่อและที่ประชุมมีมติให้ทำการศึกษาต่อไปอีก 30 วัน ซึ่งในส่วนของคณะอนุกรรมาธิการฯ “โควิด-19” ให้พิจารณาติดตามร่างตามมาตรา 9 ตาม พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทย ที่ยังรอผลการนำเสนอจากฝ่ายนิติการ กกท.
ส่วนคณะอนุกรรมาธิการฯ “พ.ร.บ.มวย” ให้หาทางออกเกี่ยวกับการดูแลนักกีฬาและการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาบาดเจ็บหรือเงื่อนไขของอายุนักมวยที่จะต้องไม่กระทบต่อสิทธิประโยชน์ของนักมวย รวมถึงกฎหมายที่มีการโต้แย้งกัน เพื่อให้แก้ไข พ.ร.บ.มวย 2542 ที่กำลังแก้ไขให้นักกีฬามวยได้ประโยชน์จาก พ.ร.บ.นี้สูงสุดต่อไป