สภาหวิดล่ม หลังฝ่ายค้านเสนอนับองค์ประขุมก่อนวอล์กเอาต์ เหตุฝ่ายรัฐบาลล้มญัตติด่วนหารือเหตุรุนแรงในที่ชุมนุมคืนวาน “วิสาร” ย้ำ สภาฯ ต้องหาทางออก หวั่นเหตุบานปลาย “ชลน่าน” แจงเหตุฝ่ายค้านวอล์กเอาต์ เพราะเสียงข้างมากปฏิเสธหาทางออกประเทศ “ครูมานิตย์” เผย กมธ.ตำรวจ เตรียมเรียกตัวแทน สตช. แจงมาตรการ-งบประมาณ จัดการม็อบ
วันนี้ (26 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร หลังการหารือปัญหาทั่วไป ก่อนเข้าสู่วาระพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการใช้กัญชา กัญชง และกระท่อม อย่างเป็นระบบ ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาจัดแล้ว นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ขอให้สภาฯ หารือหาทางออกให้กับประเทศ หลังเกิดเหตุปะทะและยิงกัน มีการปาประทัดยักษ์ บริเวณพื้นที่ชุมนุมเมื่อคืนนี้ และก่อนหน้านี้เองก็มีการปะทะกันหน้ารัฐสภา จึงขอให้ตั้งญัตติขึ้นมาพิจารณาหารือกันก่อน เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน ส่วน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ก็ให้ความเห็นสนับสนุนว่า ควรนำญัตติด่วนที่เสนอด้วยวาจาขึ้นมาพิจารณาก่อน และจะไม่ทำให้เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วตกไป
ขณะที่วิปรัฐบาลหลายคน เช่น นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ, นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ดำเนินการพิจารณาตามระเบียบวาระ เพราะเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ หากเวลาเหลือค่อยนำญัตติด่วนขึ้นมาพิจารณา
จากนั้น นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานที่ประชุม สั่งนับองค์ประชุมและลงมติ 217 ต่อ 124 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง ไม่เห็นด้วยให้ที่ประชุมเลื่อนญัตติที่เสนอด้วยวาจา เพื่อหารือเกี่ยวกับเหตุความรุนแรงในการชุมนุมเมื่อคืนนี้ ขึ้นมาพิจารณาก่อน
จากนั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเสนอญัตติมีเจตนาเพื่อหาทางออก แต่กลับเอาเสียงข้างมากมาปิดกั้น และเสนอให้ตรวจสอบองค์ประชุมด้วยวิธีการขานชื่อ เพราะไม่มั่นใจผลคะแนนที่ออกมาโดยการเสียบบัตร ขณะที่ นายศุภชัย ยืนยันว่า ดำเนินการตามข้อบังคับการประชุม
ต่อมา นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน จ.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประธานที่ประชุมไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไร เพราะต้องเป็นกลาง เมื่อมีผู้เสนอญัตติและมีผู้รับรอง ประธานไม่มีสิทธิ์ออกความเห็น และต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ ขณะที่ นายศุภชัย ขอให้สมาชิกที่ลุกขึ้นมาประท้วงพึงสังวรกับสิ่งที่ไม่ควรพูดในสภาฯ และให้เกียรติกัน จนเกิดการปะทะคารมระหว่างนายศุภชัย กับนายพิเชษฐ์ และ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย เสนอเร่งให้พิจารณาเรื่องที่ค้างอยู่ให้จบ และนำญัตติด่วนที่เสนอด้วยวาจาของนายวิสาร เข้าพิจารณาต่อ
จากนั้น นายศุภชัย ดำเนินการตรวจสอบองค์ประชุมด้วยวาจา ตามที่นายแพทย์ชลน่านเสนอ ขณะที่ นางสาวจอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคพลังประชารัฐ แสดงความกังวลว่า ฝ่ายค้านจะวอล์กเอาต์ ออกจากที่ประชุม จึงเสนอให้สั่งปิดการประชุม ขณะที่นายศุภชัยยืนยันให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ โดยองค์ประชุมทั้งหมดนับได้ 255 คน ครบองค์ประชุม และเดินหน้าพิจารณาระเบียบวาระรายงานที่คณะกรรมาธิการพิจารณาจัดแล้วต่อไป
ต่อมาฝ่ายค้านได้ร่วมกันแถลงข่าว โดย นายวิสาร ในฐานะผู้เสนอญัตติด่วน แถลงถึงเหตุผลความจำเป็นที่ต้องเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ตามข้อบังคับข้อที่ 50 และ 54 เพราะเหตุการณ์ในที่ชุมนุมเมื่อคืนนี้ มีการยิงกันจนมีผู้บาดเจ็บและจับผู้กระทำผิดได้ชัดเจน มีพยานหลักฐาน ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สภาผู้แทนราษฎรต้องมีการถกเถียงหาทางออกกัน เพื่อเป็นข้อเสนอไปถึงนายกรัฐมนตรี กำชับฝ่ายความมั่นคงดูแลอย่าให้มีความรุนแรง ไม่ให้บานปลายจากน้ำผึ้งหยดเดียว ขณะที่ประชาชนหลายกลุ่มก็ได้รับผลกระทบรถติด จากการตั้งแบริเออร์และตู้คอนเทนเนอร์ ปิดถนนบริเวณที่ผู้ชุมนุมไม่ได้ไปชุมนุมแล้ว ซึ่งเรื่องทั้งหมดเหล่านี้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กลับไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จึงฝากถามไปถึงประชาชนทั้งประเทศ หาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่ง ปัญหาทุกอย่างก็จะแก้ไขได้
นพ.ชลน่าน ชี้แจงสาเหตุที่ขอให้นับองค์ประชุมด้วยกันขานชื่อ ไม่ได้เป็นเพราะสงสัยว่ามีการเสียบบัตรแทนกัน แต่เนื่องจากมติเสียงข้างมาก 217 เสียง ไม่เห็นด้วยให้พิจารณาญัตติด่วน ทั้งที่เป็นเรื่องที่มีความจำเป็น แต่ถือเป็นมติที่จำนวนไม่ถึงองค์ประชุม จึงเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ โดยฝ่ายค้านขอตอบโต้ด้วยการวอล์กเอาต์ แม้อยู่ในที่ประชุม แต่ไม่ขานชื่อร่วมเป็นองค์ประชุม ไม่ร่วมสังฆกรรมด้วย ซึ่งเป็นมาตรการที่ฝ่ายเสียงข้างน้อยจำเป็นต้องใช้ เพราะเสียงข้างมากที่ควรจะเป็นที่พึ่งหวัง ปฏิเสธการหาทางออกให้ประเทศ ซึ่งปฏิเสธตั้งแต่การลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญแล้ว โดยเข้าใจว่าการกระทำทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพราะต้องการปกป้องไม่ให้กระทบกระทั่งผู้มีอำนาจ แต่สุดท้ายทำให้สภาผู้แทนราษฎรเสื่อมและพัง เพราะไม่เคยให้ความร่วมมือกับเสียงข้างน้อย
นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการหยิบยกเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในที่ชุมนุมเมื่อคืนนี้มาพูดคุยกัน และจะเชิญผู้มีอำนาจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งอาจจะเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือผู้ที่บังคับการควบคุมฝูงชน ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์หน้ารัฐสภาและเมื่อคืนนี้ มาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการเกี่ยวกับมาตรการและงบประมาณที่ใช้ ในการประชุมคณะกรรมาธิการวันที่ 3 ธันวาคมนี้