MGR Online - ตำรวจชี้ใช้ตู้คอนเทนเนอร์แทนรถเมล์ ไม่ใช่เพราะ ขสมก.ไม่ให้ความร่วมมือ ขอโทษคนกรุงทำการจราจรอัมพาต ย้ำปัญหาไม่ได้เกิดจากตำรวจ ยอมรับทุกการชุมนุมตำรวจมีความกังวล
วันนี้ (25 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. แถลงความพร้อมมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อย และการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร กรณีการชุมนุมของกลุ่มเห็นต่างทางการเมือง ในวันที่ 25 พ.ย. บริเวณสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ และ ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า กลุ่มคณะราษฎรและเยาวชนปลดแอก ได้ประกาศชุมนุมบริเวณสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ต่อมาช่วงคืนวานนี้ (24 พ.ย.) ได้ประกาศชุมนุมบริเวณธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ พื้นที่ สน.พหลโยธิน ขณะนี้สถานที่ทั้ง 2 แห่ง ยังไม่ได้แจ้งการชุมนุมสาธารณะ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลชุมนุมสาธารณะ บช.น.ได้จัดกำลังเพิ่มเติมบริเวณธนาคารไทยพาณิชย์ เบื้องต้นใช้กำลังตำรวจ บก.น.2 ดูแลพื้นที่และจัดการจราจร เพื่อให้การชุมนุมมีผลกระทบน้อยที่สุด อยู่ระหว่างปรับกำลังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวขอโทษประชาชนกรณีการจราจรหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบ ว่า การยกระดับการชุมนุมในสถานที่สำคัญ การเผชิญหน้าของม็อบ การทำลายทรัพย์สินราชการ และการปิดการจราจรเพื่อระวังป้องกัน ล้วนเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องปฏิบัติ เตือนไปถึงกลุ่มผู้ชุมนุมทำอะไรก็ตามอาจเกิดผลกระทบ ตำรวจยืนยันที่จะทำตามหน้าที่ และรักษากฎหมาย ในขณะเดียวกัน รักษาความปลอดภัยของผู้ชุมนุม และบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม การทำลายทรัพย์ราชการเป็นเงินภาษีอากรของพวกเรา เป็นเรื่องที่ผู้ชุมนุมไม่ว่าจะกลุ่มไหนช่วยกันพิจารณาว่า เกิดความเสียหายในภาพรวม และไม่ได้เป็นผลดีในการใช้เรียกร้อง ส่วนการปรับเปลี่ยนกำลังโดยหลักการแนวระวังป้องกันบริเวณพื้นที่สำคัญ ขณะนี้ตามแผนของ บช.น.ยังคงรักษาไว้อยู่ เมื่อสถานการณ์ช่วงบ่ายเปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งที่ผู้ชุมนุมเปลี่ยนพื้นที่ ตำรวจก็ปรับเปลี่ยนการสกัดกั้นพื้นที่อีกครั้ง
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ในการปิดการจราจรช่วงเช้าที่ผ่านมา บช.น.ได้ประชาสัมพันธ์ประชาชนในพื้นที่โดยรอบ วานนี้ (24 พ.ย.) ได้จัดชุด ตชส.ของ 5 สน.สำรวจประชาชนที่อยู่บริเวณด้านใน และด้านนอกที่อาจเข้ามาด้านใน รวมถึงประสานในการนำพาเข้า บางส่วนอาจมีผลกระทบบ้างสำหรับประชาชนที่ผ่านทาง อย่างไรก็ตาม ช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.จร.ได้ส่งกำลังตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกตามแยกหลักๆ โดยรอบพื้นที่ที่ได้มีการตั้งเครื่องกีดขวางไว้
ประเด็นการใช้ตู้คอนเทนเนอร์แทนรถเมล์ มองว่า ขสมก.ไม่ให้ความร่วมมือหรือไม่ ส่วนหนึ่งเป็นการปรับ จริงแล้วตู้คอนเทนเนอร์เคยทดลองใช้หลายครั้งที่ผ่านมา โดยครั้งนี้ได้นำมาใช้อีกครั้งเพื่อเป็นเครื่องกีดขวาง ยันยัน ขสมก.ยินดีให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐตลอด
พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวเสริมว่า สิ่งที่ใช้เป็นแนวป้องกันเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ที่ผ่านมา การใช้รถแล้วถูกทุบทำลายทำให้เสื่อมมูลค่า ก็เป็นการพิจารณาว่าถ้ายังใช้รถต่อไปอาจเกิดความเสียหายได้อีก เป็นการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ไม่ใช่แน่นอนหากคิดว่า ขสมก.ปฏิเสธความร่วมมือ
พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า การปิดกั้นทางเข้าออกส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่นั้น การชุมนุมถือเป็นสิทธิของทุกคน โดยเฉพาะในสถานที่สำคัญแล้วเกิดการเผชิญหน้า ตำรวจมีหน้าที่ระวังป้องกันเป็นพิเศษ การใช้อุปกรณ์ใดๆ ก็ตามเป็นเครื่องกีดขวาง เพื่อวัตถุประสงค์ระวังและป้องกันสถานที่สำคัญ ถ้าผู้ชุมนุมเคลื่อนออกจากสถานที่สำคัญ แล้วอยู่ในแนวที่ไม่มีการเผชิญหน้า อุปกรณ์ที่นำมากีดกั้นคงต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ พื้นที่ชุมนุมไม่ว่าจะของกลุ่มไหนก็ตามที่ประกาศไว้ เป็นพื้นที่ชุมนุมเกี่ยวเนื่องเป็นเครือข่าย ถ้าจำเป็นต้องปิดการจราจรส่งผลกระทบแน่นอน ตำรวจในพื้นที่ได้พิจารณาแล้วว่า การชุมนุมต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ก็ต้องถามกลับว่าการชุมนุมสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นด้วยหรือไม่
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ได้แจ้งให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบทราบในระดับหนึ่ง ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ตั้งเครื่องกระจายเสียงบริเวณแยกสำคัญ โดยจัดกำลังตำรวจ บก.จร.อำนวยความสะดวกด้านการจราจร บางแยกอาจได้รับผลกระทบบ้าง อยากให้ประชาชนได้รับทราบว่า การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทำเพียงพอเท่าที่จำเป็น ไม่ได้เกินเลยไปกว่าสถานการณ์ หรือการข่าว เพื่อให้ผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด นอกจากนี้ การดำเนินการโดยเฉพาะแก้ไขปัญหาจราจร ได้ระดมตำรวจจราจรจากพื้นที่โดยรอบรวมถึง บก.จร.
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากตำรวจ แต่เกิดขึ้นจากผู้ชุมนุม ถ้าชุมนุมโดยอ้างสิทธิ์รัฐธรรมนูญตามสถานที่ต่างๆ และก่อความเดือดร้อนแก่ประชาชนทั่วไป ตำรวจก็ต้องมีมาตรการตามความจำเป็นและเหมาะสม เช่น กรณีมีบุคคล โทร.แจ้งว่าเกิดการวางระเบิด ตำรวจไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ต้องอพยพคนออก ด้วยหน้าที่จึงกระทำการตรวจสอบ ฉะนั้น ตำรวจต้องทำหน้าที่ตามระเบียบ ขั้นตอน และกฎหมาย ส่วนผลกระทบต้องดูว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุใด
กรณีผู้ชุมนุมประกาศไม่ชุมนุมในพื้นที่ที่ปิดกั้น แล้วเหตุใดตำรวจไม่เปิดเส้นทางเพื่อลดผลกระทบนั้น ตำรวจได้ลดระดับจากเมื่อคืนในระดับหนึ่ง ผ่อนปรนในทุกระดับเป็นระยะๆ สังเกตได้ก่อนเวลา 22.00 น.ของวานนี้ (24 พ.ย.) การวางเครื่องกีดขวางและแบริเออร์จะเข้มแข็งกว่านี้ ถ้าช่วงเย็นนี้สถานการณ์ดีขึ้นอาจยกแบริเออร์ออก
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวถึงกรณีมีทหารร่วมซักซ้อมกับตำรวจ ก็เป็นการปฏิบัติการร่วมระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ในการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุเพื่อให้เกิดความชำนาญ เชี่ยวชาญ เผื่ออาจใช้ในวันข้างหน้า
พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวเสริมว่า เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวกระทบกับที่ตั้งหน่วยทหารหลายแห่ง ไม่ใช่ว่าทหารจะมาร่วมปฏิบัติควบคุมฝูงชน เป็นเรื่องปฏิบัติการระวังป้องกันสถานที่ราชการซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วย ส่วนเป็นทหารที่มาจาก จ.ลพบุรี และ จ.สระบุรี บริเวณนั้นเป็นที่ตั้งกองทัพภาคที่ 1 ทหารที่มาก็สังกัดกองทัพภาคที่ 1 สืบเนื่องจากมีข่าวว่าจะมีการชุมนุมบริเวณดังกล่าว มีหน่วยทหารตั้งอยู่หลายแห่ง อาจกระทบพื้นที่สำคัญของทหาร ทหารมีความจำเป็นต้องระวังรักษาหน่วยงานของตนเอง จึงอาจมีการใช้กำลังพลบางส่วนระวังป้องกันเหตุในพื้นที่ ย้ำว่า ไม่ได้อยู่ในแผนรักษาความปลอดภัยของตำรวจ การดูแลการชุมนุมเป็นหน้าที่ของตำรวจโดยตรง
“ส่วนภาพที่ปรากฏเป็นลักษณะปฏิบัติการควบคุมฝูงชน เป็นความคิด ไม่ใช่ความรู้ ความรู้เป็นสิ่งที่เราคิดว่าทางราชการ แจ้งข่าวสารว่าตามกฎหมาย ตามหลักการ ในลักษณะนี้ตำรวจมีหน้าที่ ทหารยังไม่ได้เข้ามาแสดงบทบาทตรงนี้ ถ้าสถานการณ์ยกระดับ หรือกฎหมายเปลี่ยนแปลงไปก็ว่ากันอีกที” โฆษก ตร.กล่าว
พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวต่อว่า ทุกครั้งที่มีการชุมนุมไม่ว่าเกิดจากฝ่ายไหนเล็ก หรือใหญ่ ตำรวจมีความกังวล 2 เรื่อง 1. ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องได้รับผลกระทบจากเรื่องการจราจร และ 2. การปะทะกันระหว่างกลุ่มคนที่มีความเห็นต่างกัน ตำรวจต้องทำตามหน้าที่มีความกังวลและระวังป้องกันถึงที่สุด เรื่องการปฏิบัติป้องกันเหตุปะทะกัน ทำไมถึงต้องมีแนวรั้วป้องกันที่เข้มแข็ง ทำไมบางถนนถึงต้องปิด เป็นมาตรการป้องกันไม่ให้กลุ่มคนที่มีความเห็นต่างปะทะกัน ทั้งนี้ ทุกการชุมนุมมีการเจรจาตลอดอยู่แล้ว เป็นอีกวีธีในการควบคุมการชุมนุมไม่ให้ยกระดับไปสู่อันตราย
พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวถึงกรณีการออกหมายเรียกแกนนำมาตรา 112 ว่า หมายเรียกดังกล่าวที่ปรากฏตามสื่อเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนแต่ละพื้นที่ที่ได้ดำเนินการ ตำรวจมีหน้าที่เฝ้าระวังว่ามีที่ไหนบ้าง อยู่ระหว่างรวบรวมเช่นเดียวกับสื่อมวลชน รายละเอียดอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากตนเห็นตามสื่อเช่นเดียวกัน ยังไม่ได้รับการยืนยันจากหน่วยราชการ เช่นเดียวกับในส่วนของ นายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน ชิวารักษ์ แกนนำม็อบราษฎร โพสต์ภาพได้รับหมายเรียก ตนก็เห็นเช่นนั้นเหมือนกัน ต้องดูจากต้นทางอีกทีว่าหน่วยราชการไหนของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เป็นผู้ออกหมายเรียก.