xs
xsm
sm
md
lg

“จ่านิว” นำม็อบปลดแอกเชียงรายฉายหนังมาร์กอส-ลุงนวมทองปลุกกระแส แต่ไร้เงา 2 แกนนำคนดัง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงราย - “จ่านิว” นำเครือข่ายเยาวชนปลดแอกเชียงรายตั้งจอฉายหนัง “มาร์กอส” เทียบการเมืองไทย-ลุงนวมทอง ปลุกกระแส แต่ไร้เงา นศ.สาว-แกนนำคนดัง หลังถูกนักรบไซเบอร์ฯ อดีตแนวร่วม นปช.โพสต์เฟซฯ ถล่ม


เครือข่ายเยาวชนปลดแอกในเชียงรายได้จัดกิจกรรมฉายภาพยนตร์สารคดีการเมือง ณ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย ศาลากลาง จ.เชียงราย หลังแรก (ลานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ ๕) ถนนสิงหไคล อ.เมืองเชียงราย เมื่อคืนที่ผ่านมา (16 ก.ย.) พร้อมตั้งกล่องรับบริจาคเงินสนับสนุนการจัดกิจกรรมของกลุ่ม โดยมีผู้เข้าชมประมาณ 30-40 คน

จากนั้นได้มีการฉายภาพยนตร์เรื่อง THE KINGMAKER ภาพยนตร์กึ่งสารคดีที่เล่าถึงประวัติศาสตร์การเมืองฟิลิปปินส์ ที่มีนางอีเมลดา โรมวลเดซ มาร์กอส อดีตภรรยาของนายเฟอร์ดินานด์ เอ็มมานูเอล เอดราลิน มาร์กอส อดีตประธานาธิบดีคนที่ 10 ของฟิลิปปินส์ผู้เคยดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1965-ค.ศ. 1986 เป็นเวลาเกือบ 21 ปี เป็นตัวแสดงนำ

เนื้อเรื่องเล่าถึงการขึ้นสู่อำนาจจากการเลือกตั้งของนายมาร์กอส การใช้อำนาจประกาศกฎอัยการศึก และปราบปรามกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้าม การทุจริตคอร์รัปชัน การใช้ชีวิตหรูหราและใช้จ่ายฟุ่มเฟือยของคนในครอบครัว โดยเฉพาะนางอีเมลดา โรมเวลเดช มาร์กอส กระทั่งเศรษฐกิจประเทศตกต่ำผู้คนยากจน ทำให้ประชาชนลุกฮือประท้วงขับไล่และทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่สนับสนุนนายมาร์กอสได้พาครอบครัวนี้หนีไปอยู่ที่เกาะฮาวายจนนายมาร์กอสเสียชีวิต ต่อมานางอีเมลดา โรมวลเดช มาร์กอส ได้พาลูกชายและครอบครัวกลับมาต่อสู้ทางการเมืองในฟิลิปปินส์

ขณะที่ปัจจุบันครอบครัวของนายมาร์กอสก็ยังคงอยู่ในวงการเมืองและมีแนวโน้มว่าเป็นพันธมิตรกับประธานาธิบดีคนปัจจุบันคือนายโรดริโก โรอา ดูแตร์เต ขณะที่ประชาชนซึ่งรวมถึงกลุ่มที่ต่อต้านนายมาร์กอสและครอบครัวให้การสนับสนุน


หลังภาพยนตร์จบ นายสิรวิชญ์ เสรีธวัฒน์ หรือจ่านิว ได้กล่าวปราศรัยหน้าจอว่าฟิลิปปินส์เคยเป็นอาณานิคมของสเปนมานานกว่า 300 ปี ต่อมาสหรัฐอเมริกาก็เข้ายึดครองต่อเป็นเวลา 5 ปี กระทั่งมีการเลือกตั้งและนายมาร์กอสได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ซึ่งช่วง 8 ปีแรกก็ได้พัฒนาระบบสาธารณูปโภค เช่น ถนน ฯลฯ

ต่อมาได้ขอแก้กฎหมายให้ตนอยู่ในตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 แต่สภาผู้แทนราษฎรไม่ยินยอม ทำให้นายมาร์กอสอ้างภัยจากสงครามเย็นประกาศกฎอัยการศึก และปราบปรามกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามอย่างหนักระหว่างปี 1972-1986 รวม 13 ปี โดยใช้ทหารค้ำยันอำนาจและมีรัฐบาลสหรัฐอเมริกาหนุนหลัง จึงเปิดให้ทหารเข้าไปเป็นกรรมการบริหารกิจการต่างๆ ของประเทศและทำให้เศรษฐกิจของฟิลิปินส์พังพินาศจากเดิมเคยเป็นประเทศเจริญรุ่งเรือง เคยมีรถไฟฟ้า มหาวิทยาลัยที่คนต่างประเทศไปเข้าเรียน ฯลฯ ก็กลายเป็นผู้ป่วยแห่งเอเชีย

นายสิรวิชญ์กล่าวว่า ต่อมารัฐบาลสหรัฐอเมริกากดดันให้นายมาร์กอสจัดการเลือกตั้งใหม่ แต่ก็เกิดการโกงทำให้ประชาชนออกมาประท้วง และครั้งนี้ทหารไม่เข้ากับฝ่ายการเมืองทำให้นายมาร์กอสต้องลงจากอำนาจและพาครอบครัวหนีไปดังกล่าว กระทั่งปัจจุบันฟิลิปปินส์ยังคงมีความยากจนและอาชญากรรมจำนวนมาก

และกฎหมายกำหนดให้ประธานาธิบดีอยู่ในตำแหน่งได้วาระละ 6 ปี ทำให้ช่วงมีอำนาจก็ปราบปรามฝ่ายตรงกันข้ามอย่างหนัก เกิดการต่อสู้และเข้าสู่การเมืองกันไม่กี่ตระกูล แบ่งพื้นที่อิทธิพลกันคล้ายกับนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่ จ.สุพรรณบุรี จึงมีสภาพเน่าเฟะไม่ต่างจากประเทศไทย


จากนั้นกลุ่มฯ ได้ฉายภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับประวัติของนวมทอง ไพรวัลย์ หรือลุงนวมทอง อดีตพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ขับรถแท็กซี่พุ่งชนรถถังเบาขณะที่คณะความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ยึดอำนาจจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จนตัวเองได้รับบาดเจ็บ และวันที่ 31 ก.ย.ได้ผูกคอตายกับราวสะพานลอย บริเวณถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาออก กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ กิจกรรมครั้งนี้ไม่มี น.ส.สุปรียา ใจแก้ว นักศึกษาชั้นปีที่ 3 วิชาเอกรัฐประศาสนศาสตร์ สำนักวิชาบริหารรัฐกิจ มหาวิทยลัยราชภัฏเชียงราย และนายธนวัฒน์ วงศ์ไชย หรือบอล แกนนำกลุ่มวิ่งไล่ลุง จ.เชียงราย เข้าร่วม หลังจากนายสราวุทธิ์ กุลมธุรพจน์ อดีตแกนนำนักรบไซเบอร์เชียงราย (แนวร่วม นปช.) ออกมาเปิดเผยทางเฟซบุ๊กเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินของแกนนำในช่วงจัดกิจกรรมที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น