ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ยิ่งตะแบงฟอกผิดกันเข้าไปก็ยิ่งเรียกแขกมารุมกระหน่ำกรณี “เอ๋-อเมริกัน” รุกป่า ที่ล่าสุดเบอร์ใหญ่อย่าง “เนติบริกร” เติมเชื้อไฟออกโรงป้อง “เอ๋” คืนที่ ส.ป.ก. แล้วก็จบ แต่จะจบลงง่ายๆ อย่างว่าคงไม่ได้ เพราะไม่เพียงจะกลายเป็นเรื่องสองมาตรฐานที่สังคมรับไม่ได้ แต่ยังเปิดช่องโหว่ให้คนมีอำนาจรุกป่าอีกต่างหาก
ร้อนฉ่าจนท่าจะเอาไม่อยู่ กระทั่งมีสัญญาณที่ส่งมาจาก “ลุงตู่” ให้ว่าไปตามหลักฐานตามกฎหมาย แต่ดูแล้วก็คงเบรกเกมได้ยาก เพราะกระแสสังคมกดดัน กัดกันไม่ปล่อยจริงๆ
กรณีนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ครอบครองที่ดินผิดกฎหมายที่กำลังถูกตรวจสอบอยู่ในเวลานี้ที่เขาสนฟาร์ม หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ซึ่งแยกเป็น 2 ส่วน หนึ่ง คือ 46 ไร่เศษ ที่กรมป่าไม้ แจ้งความบุกรุกป่า ส่วนอีก 682 ไร่ เป็นที่ ส.ป.ก. ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกมาว่าไม่สามารถดำเนินคดีอาญากับเธอได้เพราะคืนที่ให้รัฐแล้ว และนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ จะส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ทำการรังวัดพื้นที่ในเขต ส.ป.ก.เนื้อที่ 682 ไร่อีกครั้ง กระทั่งมีกระแสโต้กลับว่าสองมาตรฐาน ทีคนจนจับยัดคุก ทีพวกเดียวกันหาทางช่วยเต็มที่
สายล่อฟ้าอย่าง “ผู้กองธรรมนัส” อุ้ม “เอ๋” นี่ก็ว่าพีคแล้ว แต่ยังมีพีคในพีคอีกเมื่อนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยตอบคำถามปมเรื่องที่ดินของนางสาวปารีณา ตอนหนึ่งว่า
“... เรื่องของที่ดิน ส.ป.ก.นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ปัญหาอยู่ที่ว่าพื้นที่นั้นเป็นที่ดิน ส.ป.ก.หรือไม่ ถ้าใช่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เหมือนสมัยก่อนที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรีได้คืนที่ดิน ส.ป.ก.ไปแล้วก็จบ อย่างไรก็ตาม ที่ดิน ส.ป.ก.ตอนไปเอามานั้นไม่ผิดเพราะถือครองไม่ได้ เมื่อถือครองไม่ได้ต้องคืน แต่พื้นที่บางแห่งตอนไปเอามานั้นผิด เมื่อคืนไปความผิดสำเร็จ ดังนั้นกฎหมายแต่ละเรื่องไม่ได้ยึดหลักเดียวกันไปเสียหมด เช่น พ.ร.บ.ศุลกากร คดีฟิลลิปมอร์ริส เมื่อสำแดงเท็จเป็นความผิดติดคุกแต่เมื่อนำเงินไปจ่ายเสียตามที่ควรจะต้องจ่ายจริงถือว่าจบคดีอาญาหรือคดีทรัพย์สินทางปัญญามีความผิดติดคุกแต่ถ้าชดใช้เงินเสียคดีก็จบ”
คำให้สัมภาษณ์ของท่านรองฯวิษณุ เท่ากับโยนฟืนเข้าเตาไฟให้ลุกโชนขึ้นมาอีก และก็ไม่น่าจะใช่การพลั้งปากพูดไปตามเรื่อง เพราะมือกฎหมายระดับเนติบริกรเหนือชั้นไม่น่าจะเปิดช่องให้พวกรุมถล่มได้ ตรงประเด็นที่ว่า ถ้าเป็นที่ดิน ส.ป.ก.คืนไปแล้วก็จบ สอง ดึงเอาพล.อ.สุรยุทธ์ลงมาเปรียบเปรยทำไม และที่ว่ากฎหมายแต่ละเรื่องไม่ได้ยึดหลักเดียวกันนั่นไม่น่าใช่
อย่างไรก็ตาม ถ้าอ่านความให้ครบ ท่านเนติบริกร ก็อธิบายไว้แล้วด้วยเช่นกันว่า “.... แต่พื้นที่บางแห่งตอนไปเอามานั้นผิด เมื่อคืนไปความผิดสำเร็จ...” นั่นคือถ้าผิดมาตั้งแต่ต้นถึงจะคืนไปก็ถือว่าความผิดสำเร็จแล้วก็ดำเนินคดีตามกฎหมายไป
การหยิบเอาคำให้สัมภาษณ์ของนายวิษณุ ขึ้นมาตีความบางท่อนบางตอนซึ่งเป็นงานถนัดของนักรบไซเบอร์ รูปการณ์จึงออกมาในสภาพอย่างที่เห็นคือสุมฟืนใส่ไฟให้เรื่องไปกันใหญ่ เติมความคลางแคลงใจและจับตากันไม่วางว่าจะมีรายการช่วยพวกเดียวกันหรือไม่
ประเด็นการช่วยพวกเดียวกันนี้ นายวิษณุ ก็ตอบคำถามที่มีการมองว่ารัฐบาลใช้ช่องทาง ส.ป.ก.ช่วยเหลือนางสาวปารีณา ว่าตามกฎหมายระบุว่าเป็นที่ที่ถูกซื้อมาแล้วต้องคืน ถือเป็นบทลงโทษของคนที่ซื้อมาโดยที่รัฐไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว เป็นบทลงโทษที่ดีกว่าบทลงโทษทางอาญาที่จะต้องถูกปรับ
ลื่นไหลสมกับเป็น “เนติบริกร” จริงๆ สัญญาณเช่นนี้หรือไม่จึงทำให้ กรมป่าไม้ กับสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) อยู่ในอาการดูทิศทางลมเป็นรายวัน ไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าดำเนินการเช่นเดียวกันกับกรณีของประชาชนคนยากจนทั่วไปที่ลุยจับกุมคุมขังก่อนการพิสูจน์ตามนโยบายทวงคืนผืนป่าที่มีคดีความท่วมศาล ชาวบ้านหมดที่ทางทำมาหากินทั่วทุกหัวระแหง
ท่าทีจากกรมป่าไม้ ล่าสุด นายธวัชชัย ลัดกรูด ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบการครอบครองที่ดินของ “เอ๋ อเมริกัน” บอกว่า กำลังศึกษาข้อกฎหมายให้ชัดเจนจะสามารถดำเนินคดีกับน.ส.ปารีณา เพิ่มเติมในส่วนของพื้นที่ 682 ไร่ ซึ่งกรมป่าไม้ ได้ส่งมอบให้ ส.ป.ก. แล้วได้หรือไม่ โดยต้องดูทั้งคำพิพากษาของศาลฎีกาในอดีตที่มีการฟ้องร้องบุคคลซึ่งครอบครอง ที่ดิน ส.ป.ก. ก่อนประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดินที่ ปรากฏเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 โดย ส.ป.ก.สามารถเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษได้เพราะอยู่ในความรับผิดชอบของ ส.ป.ก. ขณะนี้รอการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่กรมป่าไม้หารือไปเพื่อนำมาดำเนินการ ซึ่งอีกไม่นานกรมป่าไม้กับส.ป.ก.คงจะหาข้อสรุปร่วมกันได้
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายนภดล ตันติเมฆิน ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย ส.ป.ก. ระบุว่าที่ดินที่ น.ส.ปารีณาครอบครอง 682 ไร่นั้น เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดินแล้วถือว่าต้องเพิกถอนการเป็นป่าสงวนแห่งชาติ แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินจึงยังมี พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ครอบคลุมอยู่ แต่ ส.ป.ก. ไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายป่าไม้ หากได้ข้อสรุปทางกฎหมายว่ากรมป่าไม้ สามารถดำเนินคดีในพื้นที่ปฏิรูปที่ดินได้จะแจ้งความเอาผิด น.ส.ปารีณาเพิ่ม โดย ส.ป.ก. นำชี้แนวเขตที่ดิน
“....ยืนยันว่าไม่มีความพยายามอุ้มหรือช่วยเหลือใครทั้งนั้น....” นายธวัชชัย กล่าว และยืนยันเมื่อได้ข้อสรุปชัดเจนเกี่ยวกับการตีความกฎหมายว่าหน่วยงานใดรับผิดชอบในการดำเนินคดี อธิบดีกรมป่าไม้จะแถลงข่าวอีกครั้งและเร่งดำเนินการตามกฎหมายแน่นอน
เรื่อง “เอ๋”รุกป่าจึงลากยาวกันไป แต่คงไม่จบลงง่าย เพราะหลังจากที่นายวิษณุ มีท่าทีออกมาอุ้ม “เอ๋” นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ก็ซัดให้ทันทีว่านายวิษณุ ออกมาให้ความเห็นแบบนั้นได้อย่างไร เพราะกรณีนี้ผิดกฎหมาย ส.ป.ก.สามารถดำเนินคดีนางสาวปารีณา ได้ ถ้า ส.ป.ก.ไม่เอาเรื่อง กรมป่าไม้ก็เอาผิดได้เพราะครอบครองมาก่อนยกให้ ส.ป.ก. และอายุความยังไม่หมด ตามแนวคำพิพากษาหลายคดีก็ตรงกันหมด
ขณะที่ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นเช่นกันว่า การไม่มีสิทธิที่จะครอบครองที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมาย อย่างไรก็เป็นความผิด แม้จะคืนที่ดินให้แก่รัฐแล้วก็ตาม ผิดต้องเป็นผิด เอาที่ไหนมาพูดว่าไม่ต้องดำเนินคดีอาญา ถ้าผู้มีหน้าที่ดูแลที่ดินของรัฐ ไม่ดำเนินคดีอาญาแก่ผู้กระทำความผิด ก็จะมีความผิดฐานละเว้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
เรื่องนี้สังคมจะยอมให้จบง่ายๆ หรือ? นายไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ตั้งคำถาม เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องสองมาตรฐาน แต่จะทำให้เกิดช่องโหว่ของกฎหมายสำหรับคนมีอำนาจ และเกิดการทำลายธรรมชาติตามมา เพราะการปฏิรูปที่ดินของรัฐไทยคือเอาป่าสงวนมาปฏิรูป ขณะที่พื้นที่ ส.ป.ก.ก่อนหน้านี้คือป่าสงวน หรือไม่ก็พื้นที่ป่าไม้ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ที่กรมป่าไม้ดูแล ถ้าเป็นคนจนก็ติดคุกแล้ว แม้ว่ามีการประกาศเป็นเขต ส.ป.ก.ก็ตาม เพราะความผิดบุกรุกป่าได้เกิดขึ้นแล้ว
คนจนติดคุกถูกดำเนินคดีเพราะข้อหารุกที่รัฐนั้นมีมากมายเหลือคณานับ ดังที่นายประยงค์ ดอกลำใย ที่ปรึกษาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-Move) ให้สัมภาษณ์สื่อโดยตั้งข้อสังเกตต่อกรณีของนางสาวปารีณา ว่า การเลือกปฏิบัติทำให้คนรวยหรือคนที่มีอิทธิพลทางการเมืองสามารถครอบครองที่ดินของรัฐได้ โดยไม่ถูกดำเนินการตามกฎหมาย เมื่อเทียบกับกรณีของชาวบ้านกว่า 46,600 คดี ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประยงค์บอกว่า 80- 90% ในจำนวนคดีทั้งหมดนั้น เป็นคนจนและเกษตรกรทั่วไปที่อาศัยทำกิน ไม่เกิน 10 หรือ 20 ไร่ แต่เหตุใดเจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบไม่พบที่ดินขนาดใหญ่ 600 กว่าไร่ ของ ส.ส.ปารีณา
กระแสยังโหมไม่หยุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นผู้ออกคำสั่งตามมาตรา 44 เดินหน้านโยบายทวงคืนผืนป่า ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการถือครองที่ดินตามภบท.5 และส.ป.ก. ของนักการเมือง โดยเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นกับน.ส.ปารีณา ว่าการถือครอง ภบท.5 และส.ป.ก. ต้องเป็นไปตามหลักฐานและข้อเท็จจริงโดยพื้นฐานของกฎหมายซึ่งมีกฎหมายอยู่หลายตัว พร้อมกับส่งสัญญาณเอาผิดผู้บุกรุกป่าด้วยว่า “ผมกำลังให้ไปดูอยู่ว่ามีอีกกี่ราย เอารายอื่นมาดูด้วยเพื่อเปรียบเทียบเพื่อหาแนวปฏิบัติที่ชัดเจน แต่ทั้งหมดนี้เราต้องอาศัยกฎหมายทั้งหมด”
สัญญาณกวาดล้างนักการเมือง ผู้มีอิทธิพล บุกรุกป่าครั้งใหญ่จาก “ลุงตู่” รอบนี้จะเป็นสัญญาณที่ติดๆ ดับๆ หรือไม่ เพราะดูเหมือนลูกทีมกำลังมีความพยายามไปอีกทางอย่างที่เห็น