ศรีสะเกษ - โร่แจ้งจับนายก อบต.โหด บีบคอข้าราชการสาว กระชากร่างทุ่มลงกับพื้นนิ้วเท้าแตก ฟกช้ำทั้งตัว เหตุแค้นไม่ยอมตรวจรับงานก่อสร้างถนน กว่า 1 ล้านที่สร้างไม่ตรงตามแบบ ถูก สตง. ป.ป.ช. ปปท. ตรวจสอบพบผิดจริง ลั่นดำเนินคดีถึงที่สุด
วันนี้ (12 ก.ย.) ที่ สภ.ราษีไศลจ.ศรีสะเกษ น.ส.นันทวดี อรรคบุตร อายุ 39 ปี อาชีพรับราชการ ตำแหน่งนักพัฒนาชุมชนชำนาญการ กองสวัสดิการสังคม องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แห่งหนึ่งในเขต อ.ราษีไศล พร้อมด้วย พ.ต.ท.วิจิตร โพธิ์สิทธิพันธุ์ ทนายความชื่อดังของ จ.ศรีสะเกษ ได้พยุงร่างที่ฟกช้ำไปทั้งตัว ขาข้างขวาเข้าเฝือกที่บริเวณข้อเท้า เข้าพบกับ ร.ต.อ.ปรีชา นาคาแก้ว พนักงานสอบสวน สภ.ราษีไศล เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญาต่อนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แห่งหนึ่ง ซึ่งได้ทำร้ายร่างกาย น.ส.นันทวดี ทำให้ได้รับบาดเจ็บตามร่างกายหลายแห่ง บริเวณลำคอด้านซ้ายมีรอยขูด ซึ่ง ร.ต.อ.ปรีชา ได้รับแจ้งความดำเนินคดีอาญาตามกฎหมายไว้แล้ว
น.ส.นันทวดี อรรคบุตร อายุ 39 ปี ข้าราชการสาวที่เคราะห์ร้ายให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ของวันที่ 10 ก.ย.63 ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางกลับมาจากธนาคารแห่งหนึ่งของ อ.ราษีไศล เพื่อไปเบิกเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ นำเอามาจ่ายให้แก่ผู้สูงอายุในเขตพื้นที่รับผิดชอบ พอกลับมาถึงสำนักงานกำลังเดินจะขึ้นบันไดสำนักงาน ได้พบ นายก อบต.กำลังเดินขึ้นบันไดอยู่ด้านหน้าของตน แต่พอนายก อบต.หันมามองเห็นตนที่กำลังเดินขึ้นบันไดมา นายก อบต.ได้เดินเข้ามาหาและพูดว่า “มึงจะเอาอะไรกับกู” และได้เข้ามาใช้มือทั้ง 2 ข้าง และมีมือข้างหนึ่งถือกุญแจพวงใหญ่อยู่ บีบคอของตนอย่างแรง
จากนั้นได้ลากเอาร่างของตนลงมาจากบันได แล้วผลักทุ่มตนให้ล้มลงกับพื้นที่ทางเดินก่อนขึ้นบันได้อย่างแรง โดยมีเจ้าหน้าที่ของ อบต.หลายคนเห็นเหตุการณ์ ซึ่งขณะที่ตนล้มลงกองอยู่กับพื้น นายก อบต.จะเข้ามาทำร้ายตนอีก แต่ว่ามี ผอ.กองคลัง และเจ้าหน้าที่ชายหลายคนเข้ามาห้าม และได้ดึงเอาตัวของนายก อบต.ออกไป
น.ส.นันทวดี ให้การต่อว่า จากนั้นมีเพื่อนเจ้าหน้าที่หลายคนมาพยุงร่างของตนขึ้นจากพื้นที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณลำคอ หัวเข่าทั้ง 2 ข้าง และบริเวณเท้าขวาออกไปจากที่เกิดเหตุ จากนั้นปลัด อบต.ได้เข้ามาดูอาการของตน และบอกว่าให้กลับไปที่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 15 กม.เนื่องจากเกรงว่าอาจจะโดนนายก อบต.ทำร้ายอีก เพื่อนที่ทำงานด้วยกันจึงได้ขับรถของตนนำตนไปส่งที่บ้าน
ต่อมา วันที่ 11 ก.ย.63 ตนได้ไปพบแพทย์ที่ รพ.ราษีไศล เพื่อให้แพทย์รักษาอาการบาดเจ็บตามร่างกาย ซึ่งแพทย์ตรวจพบว่ามีรอยครูดด้วยของแข็งที่บริเวณลำคอด้านซ้าย หัวเข่าทั้ง 2 ข้างมีรอยช้ำ บริเวณต้นแขนเป็นรอยเขียวช้ำ และที่บริเวณนิ้วเท้านิ้วก้อยกระดูกร้าว แพทย์ได้ใส่เฝือกเอาไว้ โดยแพทย์แจ้งว่าต้องใส่เฝือกเอาไว้อย่างน้อย 7 วัน จนกว่าอาการจะดีขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ตนได้รับบาดเจ็บ และมีความอับอายต่อเพื่อนข้าราชการทุกคนที่พบเห็นเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก
น.ส.นันทวดี ยังกล่าวด้วยว่า สาเหตุที่ถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมนี้ คาดว่าเกิดจากการที่ตนไม่ยอมลงนามตรวจรับงานจ้างเหมาทำถนนสายบ้านครั่ง ไปยังบ้านกระเดา หมู่ 7 ระยะทาง 800 เมตร งบประมาณในการก่อสร้าง 1,100,000 บาท ซึ่งครบกำหนดแล้วเสร็จตั้งแต่เดือน มิ.ย.63 แต่ว่าตนซึ่งเป็นประธานตรวจรับงานก่อสร้างกับกรรมการทั้ง 3 คน ไม่ยอมลงนามตรวจรับงาน เนื่องจากตรวจพบว่าการก่อสร้างถนนไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการตามสัญญา เช่น เหล็กและหินไม่เป็นไปตามแบบ ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการร้องเรียนไปยัง สตง.จ.ศรีสะเกษ ป.ป.ช.จ.ศรีสะเกษ ปปท.ภาค 3 กอ.รมน.ศรีสะเกษ ให้เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว และพบว่าผิดจริง
อีกทั้งกรมทางหลวงได้มาตรวจสอบโดยการเจาะถนน เพื่อเอาลูกปูนไปตรวจสอบแล้วพบว่า ไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการ ทำให้ส่วนราชการข้างต้นมีการดำเนินการตรวจสอบการทุจริตดังกล่าวตามกฎหมาย ซึ่งการที่ตนถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมครั้งนี้ ยืนยันว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุด
พ.ต.ท.วิจิตร โพธิ์สิทธิพันธุ์ ทนายความชื่อดังของ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า จากการที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานแล้ว เชื่อว่าเหตุที่ น.ส.นันทวดี ลูกความของตนถูกทำร้ายครั้งนี้ต้องมีสาเหตุมาจากการทุจริตการก่อสร้างถนน งบประมาณ 1 ล้านบาทเศษอย่างแน่นอน เพราะจากการที่ได้สอบถามข้อมูลจาก น.ส.นันทวดี แล้ว ไม่พบสาเหตุโกรธเคืองอื่นใด นอกจากเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น ซึ่งต้องดำเนินคดีอาญาต่อ นายก อบต.คนนี้จนถึงที่สุด
ร.ต.อ.ปรีชา นาคาแก้ว พนักงานสอบสวน สภ.ราษีไศล กล่าวว่า คดีนี้ได้รับแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้แล้ว ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะได้ทำการส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่ รพ.ราษีไศล เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรบาดแผล จากนั้นจะได้เชิญพยานที่เห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำและจะได้รวบรวมพยานหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีต่อผู้ที่ถูกกล่าวหาต่อไป
เรื่องนี้ได้รายงานให้ พ.ต.อ.ฉัตรพัฒน์ แก้วจันดี ผกก.สภ.ราษีไศล ได้รับทราบแล้ว และได้สั่งการว่าให้รวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนเพื่อให้ความเป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่ายตามกฎหมายอย่างเต็มที่ต่อไป