กาญจนบุรี - เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ลุยปักป้ายประกาศสั่งรื้อรีสอร์ตชื่อดังเมืองสังขละบุรี ภายใน 30 วัน หลังสู้คดีในชั้นศาลมานานกว่า 10 ปี หากดื้อแพ่งจ่อชง ปปง.ยึดทรัพย์
เวลา 10.00 น.วันนี้ (1 ก.ย.) นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม นำป้ายประกาศคำสั่งให้ผู้ประกอบการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง พืชผล อาสิน หรือสิ่งอื่นใดไปให้พ้นจากอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ตามมาตรา 35 (2) พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ ฉบับใหม่ พ.ศ.2562 ไปติดที่บริเวณโรงแรม "พรไพลิน รีเวอร์ไซด์ รีสอร์ท" ที่ตั้งอยู่ริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ท้องที่หมู่ 1 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี มี น.ส.ณฐิสิณี เต็งเที่ยง เป็นเจ้าของ
ทั้งนี้ นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้มอบนโยบายให้ดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาดต่อกลุ่มนายทุนผู้บุกรุกป่าในเขตรับผิดชอบของอุทยานฯ
จากนโยบายดังกล่าว วันนี้ตนเอง และนายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม จำนวน 10 นาย ได้เดินทางมาติดป้ายประกาศคำสั่งตามมาตรา 35 (2) พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ ฉบับใหม่ พ.ศ.2562 ณ บริเวณโรงแรม "พรไพลิน รีเวอร์ไซด์ รีสอร์ท" โรงแรมสุดหรูชื่อดัง จังหวัดกาญจนบุรี รวมมูลค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้างราคาประมาณ 40 ล้านบาท โดยมี น.ส.ณฐิสิณี เต็งเที่ยง เป็นเจ้าของปลูกสร้างโรงแรมบุกรุกเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม รวมเนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน 8 ตาราวา
โดยให้เจ้าของรื้อถอนโรงแรมออกไปให้พ้นเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ 1 กันยายน 2563 เป็นต้นไป หากฝ่าฝืนไม่ยอมรื้อถอนภายในเวลาที่กำหนด จะมีโทษจำคุก 1-3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังต้องถูกปรับรายวันอีกวันละ 1 หมื่นบาท จนกว่าจะรื้อถอนเสร็จ และจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนให้แก่ทางราชการเป็นจำนวนเงิน 882,300 บาท อีกทั้งจะต้องถูกยึดทรัพย์นับแต่มีการเปิดบริการโรงแรม ตามมาตรา 3 (15) ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพ.ศ.2542 ในการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันมีลักษณะเป็นการค้าอีกด้วย
นายนิพนธ์ เปิดเผยต่อไปว่า สำหรับคดีนี้สืบเนื่องมาจากหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ได้แจ้งความดำเนินคดีเจ้าของโรงแรมไปเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2547 ในข้อหาบุกรุก ยึดถือ ครอบครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมโดยมิได้รับอนุญาต
ต่อมา ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาฎีกาที่ 2749/2555 ลงวันที่ 15 มีนาคม 2555 ได้มีคำพิพากษาว่า จำเลย น.ส.ณฐิสิณี เจ้าของโรงแรมมีความผิดฐานบุกรุก ยึดถือ ครอบครองในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมโดยมิได้รับอนุญาต ให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน และปรับ 20,000 บาท โทษจำให้รอลงอาญา 2 ปี จึงถือว่าคดีอาญาถึงที่สุด
สำหรับคดีแพ่ง ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาที่ 9984/2560 ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายสิ่งแวดล้อม ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นเงิน จำนวน 1 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2547 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ คดีแพ่งจึงถึงที่สุด
ส่วนในคดีปกครอง ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งที่ คส.44/2557 ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2557 ไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งผู้ฟ้องคดีไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีของผู้ฟ้องคดีน.ส.ณฐิสิณี เจ้าของโรงแรมดังกล่าวออกจากสารบบความคดีปกครอง จึงถึงที่สุดเช่นกัน
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยต่อว่า ต่อมาวันที่ 4 พฤศจิกายน 2559 น.ส.ณฐิสิณี เจ้าของโรงแรมดังกล่าวได้ทำบันทึกตกลงยินยอมรื้อถอนโรงแรม "พรไพลิน ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท" ด้วยตนเอง แต่ได้รื้อถอนไปเพียงบางส่วนเท่านั้น
ต่อมา วันที่ 19 ส.ค.หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ตรวจสอบการรื้อถอน พบว่า อาคารที่เป็นโรงแรมสุดหรู จำนวน 60 ห้อง ราคาห้องละ 1,200 -5,500 บาท ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ยังเปิดให้บริการอยู่ ไม่ได้มีการรื้อถอนตามบันทึกข้อตกลงแต่อย่างใด
ดังนั้น ตนในฐานะผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม มีความเห็นว่า ประกาศคำสั่งรื้อถอนอาคารเป็นวิธีบัญญัติ เจ้าพนักงานสามารถประกาศให้รื้อถอนอาคารได้ทั้งตามกฎหมายเก่า และกฎหมายใหม่ เทียบเคียงฎีกาที่ 334/2525
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมจึงอาศัยอำนาจตามกฎหมายอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 ฉบับใหม่ มาติดป้ายประกาศคำสั่งรื้อถอนโรงแรมอีกครั้งในวันนี้ และหากครบกำหนดแล้วยังไม่มีการรื้อถอน ทางอุทยานแห่งชาติเขาแหลม จะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืนประกาศคำสั่งโดยทันที และส่งเรื่องให้ ปปง.ยึดทรัพย์ พร้อมกับเข้ารื้อถอนโรงแรมดังกล่าว เพื่อนำพื้นที่ที่ถูกบุกรุกมาฟื้นฟูให้กลับมาเป็นผืนป่าดังเดิมต่อไป