MGR Online - ตม.จับพ่อชาวพม่าข่มขืนลูกสาวตัวเองแท้ๆ ตอนอายุเพียงแค่ 10 ขวบ ก่อนนำเรื่องไปบอกกับแม่ แต่ไม่เชื่อ จึงถูกข่มขืนต่อเนื่องนานถึง 4 ปี
วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชาติชาย ตันติวุฒิวร ผกก.1 บก.สส.สตม. แถลงจับกุม นายหม่อง เอ (นามสมมติ) อายุ 35 ปี สัญชาติเมียนมา ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ.516/2561 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยใช้อาวุธ” โดยจับกุมได้ที่บริษัทย่านหมู่ที่ 4 ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
สืบเนื่องจากเมื่อประมาณกลางเดือนธันวาคม 2557 ขณะที่ ด.ญ.บี สัญชาติเมียนมา อายุ 10 ปี ผู้เสียหายซึ่งพักอาศัยอยู่กับผู้ต้องหาซึ่งเป็นบิดาของตนอยู่ที่บ้านพักที่ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ที่เกิดเหตุ ขณะที่มารดาของผู้เสียหายไม่อยู่ที่บ้านพัก ผู้ต้องหาได้เรียกให้ผู้เสียหายไปพบ โดยขณะนั้นผู้ต้องหาได้ถือมีดปอกผลไม้อยู่ในมือ จากนั้นได้ใช้มือปิดปากผู้เสียหาย บอกให้เงียบ และข่มขู่ว่าหากไม่เงียบจะใช้มีดฆ่าให้ตาย จากนั้นผู้ต้องหาได้จับผู้เสียหายนอนลงบนแคร่ไม้ บริเวณที่เกิดเหตุ และได้ดึงผ้าถุงอาบน้ำของผู้เสียหายออก แล้วผู้ต้องหาได้นำอวัยวะเพศของผู้ต้องหาสอดใส่เข้ามาในอวัยวะเพศของผู้เสียหาย จนกระทั่งผู้ต้องหาสำเร็จความใคร่ และผู้ต้องหาได้บอกว่าห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกใคร “ถ้าแม่ทราบเรื่องนี้พ่อจะฆ่าให้หมดและพ่อจะหนีกลับพม่า” แต่ผู้เสียหายก็ได้บอกมารดากับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่มารดาไม่เชื่อ หลังจากนั้น ผู้ต้องหาก็ได้กระทำชำเราผู้เสียหายเรื่อยมาอีกหลายครั้ง และจะทำร้ายร่างกายผู้เสียหายทุกครั้งที่ผู้เสียหายพยายามจะหลบหนี โดยจะต่อยตีเตะตามลำตัวและใบหน้า
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2561 ผู้ต้องหาก็ได้กระทำชำเราผู้เสียหาย ซึ่งขณะนั้นอายุ 13 ปี 6 เดือน อีกครั้ง และหลังจากนั้นผู้เสียหายจึงได้หนีออกจากบ้านพักที่เกิดเหตุ และได้ไปหาป้าของตนเอง และเล่าเรื่องที่เกิดจากการที่ถูกบิดาของตัวเองกระทำให้ฟัง จากนั้นป้าจึงได้พาผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย และต่อมาศาลจังหวัดพัทยาได้ออกหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าว
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. โดยใช้ระบบไบโอเมทริกซ์ (Biometrics) ทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีการจับกุมมาทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งย่าน ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงได้ไปตรวจสอบและพบผู้ต้องหาบริเวณหน้าบริษัทดังกล่าว จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบจ.ชลบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป