บุรีรัมย์ - ชนวนเหตุแค่เข้าใจคิดว่าอีกฝ่ายจอด จยย.ขูดสีกระบะป็นรอย ญาติพี่น้องถึงขั้นเปิดศึกกันเอง ยกพวกขนมีดขวานบุกฟันกันถึงบ้าน บาดเจ็บ 2 ราย เรื่องบานปลายฝั่งถูกทำร้ายโร่แจ้งความ ผู้ถูกกล่าวหาปัดไม่เจตนาทำร้าย แค่เข้าไปปกป้องลูกชายที่ถูกรุม ยันอีกฝ่ายมีทั้งปืนและมีด
วันนี้ (9 พ.ค.) จากกรณีที่ นายสุทัศน์ แผ่นทอง อายุ 39 ปี พร้อมลูกชาย นายธวัชชัย ย้ำรัมย์ อายุ 34 ปี และนายชลศิลป์ อายุ 17 ปี ลูกชาย ชาวชุมชนริมมูล ต.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.สตึก ให้เอาผิดต่อ นายมิตร จันทร์เตี้ย ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของ นายสุทัศน์ พร้อมลูกชายของนายมิตร และญาติอีกรวม 6 คน โดยกล่าวหาว่าบุคคลทั้ง 6 ได้ร่วมกันใช้อาวุธทั้งมีด ขวาน บุกเข้าไปทำร้ายร่างกายถึงในบ้าน เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย คือ นายสุทัศน์ ถูกมีดฟันที่ใบหู ส่วน นายธวัชชัย ถูกขวานจามที่ลำคอ และขณะเกิดเหตุมีผู้หญิง เด็ก และคนท้องอยู่ในบ้านด้วยต่างวิ่งหนีแตกกระเจิง เพราะกลัวจะถูกลูกหลง
ล่าสุด พ.ต.ท.ยศวัฒน์ มณีชัยกิจ รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.สตึก ได้เรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อประกอบสำนวนคดี ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 6 คน มารับทราบข้อกล่าวหาฐาน “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ร่วมกันบุกรุกเคหสถานโดยมีอาวุธ และพาอาวุธมีดติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ”
จากการสอบถาม นายสุทัศน์ กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนและครอบครัวนั่งต้มน้ำชงกาแฟกินอยู่หลังบ้าน แล้วจู่ๆ นายคมกริช ลูกชายของนายมิตร เดินมาเตะเพื่อนของลูกชายตนจนเกิดการชกต่อยกัน ตนเห็นท่าไม่ดีเลยเข้าไปห้าม แต่กลับถูกนายมิตร และพวกถือมีด และขวานมารุมทำร้ายตนกับน้องชายบาดเจ็บ จึงพากันวิ่งหลบเข้าไปในบ้านที่มีทั้งเด็ก ผู้หญิง และคนท้องนั่งอยู่ตกใจวิ่งหนีไปคนละทาง
ส่วนชนวนเหตุมาจากกรณีที่ นายมิตร ถีบรถจักรยานยนต์ของลูกชายล้ม เพราะเข้าใจว่าลูกชายตัวเองไปจอดรถเฉี่ยวรถกระบะจนเป็นรอย ทั้งที่ยังไม่ได้ถามว่าข้อเท็จจริงเป็นยังไง จึงได้ไปแจ้งความที่ สภ.สตึก จากนั้นวันที่ 7 พ.ค. กลุ่มคู่กรณียังพากันมาที่บ้านอีกรอบลักษณะเหมือนจะมาข่มขืน แต่หลานสาวยกมือถือพยายามถ่ายคลิปจึงไม่กล้าทำอะไร จากเหตุการณ์ดังกล่าวรู้สึกว่าคนในครอบครัวไม่มีความปลอดภัยในชีวิต จึงอยากให้ตำรวจนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้าน นายมิตร จันทร์เตี้ย ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าพาพวก พร้อมอาวุธ ไปทำร้ายนายสุทัศน์ และลูกชายที่บ้าน กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนขับกระบะกลับจากขายปลามาจอดไว้ที่ถนนหน้าบ้านแล้วเข้าไปนอนพักผ่อน พอตื่นขึ้นมาเห็นรถจักรยานยนต์ไม่รู้ว่าของใครมาจอดติดกับรถกระบะตน พอมองดูข้างรถกระบะก็เห็นมีรอยขูดสีถลอกจึงคิดว่าเกิดจากรถ จยย.มาจอดเฉี่ยว เลยเกิดความโมโหผลักรถ จยย.ล้ม จากนั้นขับรถออกไปข้างนอก พอกลับถึงบ้านมีคนบอกว่ามีชายฉกรรจ์หลายคนสวมผ้าปิดหน้ามาถามหาลักษณะจะมาหาเรื่อง ตนแปลกใจเพราะตอนนั้นไม่รู้สาเหตุ
กระทั่งลูกชายเดินไปเล่นบ้านตาซึ่งใกล้กับบ้านคู่กรณี มีคนตะโกนถามว่า “พ่อมึงไปไหน ลูกชายเลยตอบไปว่าถามหาพ่อทำไม” แล้วกลุ่มคู่กรณีใช้ของแข็งตีหัวลูกชายและพยายามจะรุมทำร้าย ลูกจึงวิ่งหนีไปบ้านตาตนได้ยินเสียงจึงวิ่งตามไปเห็นลูกชายกำลังถูกทำร้าย ด้วยความเป็นพ่อจึงวิ่งเข้าไปช่วยก็เกิดการชุลมุนขึ้นตอนนั้นคว้าอะไรได้ก็ใช้เป็นอาวุธเพื่อปกป้องลูกไม่ได้ไปบุกทำร้าย แต่อีกฝ่ายมีทั้งปืนและมีดเหมือนกัน
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าอาจจะเป็นความเข้าใจผิดเรื่องทำรถเป็นรอย แล้วตนไปผลักรถคู่กรณีล้ม หากรถเสียหายตนก็พร้อมรับผิดชอบ ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องบานปลายขนาดนี้ ส่วนตัวอยากให้พูดคุยทำความเข้าใจ เพราะทั้งสองฝ่ายเป็นญาติพี่น้องกัน ไม่อยากให้มีปัญหาบาดหมางบานปลาย