เชียงราย – ทางการจีนประกาศห้ามเรือทุกชนิดเข้า-ออก พร้อมขึงสลิงกั้นน้ำโขงไม่มีกำหนด พร้อมลุยระเบิดแก่งหินเปิดร่องน้ำล้านช้าง ตั้งแต่พรมแดนกวนเหล่ย-กาลันป้า สิบสองปันนา
ขณะนี้เรือบรรทุกสินค้าและท่องเที่ยวในแม่น้ำโขง (แม่น้ำล้านช้าง) ไม่สามารถแล่นเข้าออกชายแดนประเทศจีนตั้งแต่เมืองกวนเหล่ย ซึ่งเป็นเมืองท่าหน้าด่านในแม่น้ำโขงของจีน มณฑลยูนนาน ห่างจาก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ไปทางทิศเหนือประมาณ 264 กิโลเมตร ได้เป็นการชั่วคราวแล้ว
โดยทางการจีนได้มีการประกาศเมื่อ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา แจ้งผู้ประกอบการเดินเรือในแม่น้ำโขงว่าจะมีการปรับปรุงเกาะแก่งหรือระเบิดในแม่น้ำโขงตั้งแต่เขตเมืองกวนเหล่ย ขึ้นไปจนถึงทางตอนเหนืออย่างน้อยถึงเขตเมืองกาลันป้า เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ระยะทางประมาณ 50-60 กิโลเมตร ดังนั้นจึงขอให้ยุติการเดินเรือตามระยะทางดังกล่าวชั่วคราวจนกว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ พร้อมนำลวดสลิงมากั้นกลางแม่น้ำโขง เพื่อป้องกันไม่ให้เรือแล่นสัญจรเข้าไปในเขตอันตรายดังกล่าวด้วย
ซึ่งทำให้เรือทุกชนิดที่เคยใช้เส้นทางนี้ต้องหยุดเดินเรือ แต่ที่ท่ากวนเหล่ยยังคงเปิดให้บริการตามปกติ โดยเรือสินค้าที่มาจากประเทศไทย สปป.ลาว และเมียนมา ยังสามารถแล่นรับส่งสินค้าได้ แต่ไม่สามารถนำเรือข้ามลวดสลิงที่ทางการจีนขึงกั้นแม่น้ำโขงเพื่อเข้าไปส่งสินค้าใน สป.จีน ได้เท่านั้น ส่วนเรือท่องเที่ยว ก็ต้องมีการถ่ายเทนักท่องเที่ยวขึ้น-ลงที่ท่าเรือกวนเหล่ย แล้วนั่งรถบัสจีนเพื่อเดินทางไปยังเมืองกาหลันป้า-เมืองจิ่งหงหรือเชียงรุ้ง เมืองเอกของเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาต่อไป
น.ส.ผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย เปิดเผยว่าหลังจากจีนปิดกั้นแม่น้ำโขงที่เมืองกวนเหล่ยดังกล่าว ล่าสุดเรือกาสะลองคำที่นำนักท่องเที่ยวไปเมืองจิ่งหง ก็ต้องถ่ายเทนักท่องเที่ยวลงที่ท่าเรือแล้วขึ้นรถบัสเดินทางต่อไปอีกประมาณ 100 กว่ากิโลเมตร ซึ่งก็สะดวกสบายโดยไม่มีปัญหาใดๆ มากนัก ส่วนเรือสินค้าในแม่น้ำโขงก็ยังแล่นไปได้ตามปกติเพราะเมืองท่ากวนเหล่ยยังคงเปิด
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้จีนแจ้งเพียงการปิดกั้นแม่น้ำโขงเพื่อระเบิดหินปรับปรุงร่องน้ำโขงในเขตจีน โดยไม่ได้แจ้งว่าจะเปิดให้เดินเรือได้วันไหน จึงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป ซึ่งแม้จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้า-นักท่องเที่ยว เพราะมีเส้นทางคมนาคมอื่นๆทดแทนได้ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในแม่น้ำโขงช่วงนี้คือ การขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง
เพราะก่อนหน้านี้จะมีเรือบรรทุกและบริการเติมน้ำมันเรือสินค้า-เรือท่องเที่ยวอยู่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย แต่ปรากฎว่าหลังเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้เรือเมื่อเดือน ก.ย.62 ที่ผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่ได้เข้มงวดหนักและห้ามไม่ให้มีการนำเรือไม่ได้มาตรฐานมาให้บริการ เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบหนักหากว่าควบคุมได้ไม่ทัน
ซึ่งเมื่อไม่มีเรือบรรทุกน้ำมันบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ทำให้ผู้ประกอบการเดินเรือต้องไปเติมน้ำมันกันที่ท่าเรือบ้านโป่ง ประเทศเมียนมา ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำขึ้นไปประมาณ 10 กิโลเมตร ส่วนปั๊มน้ำมันลอยน้ำที่บ้านเชียงกก เมืองลอง สปป.ลาว ใกล้สะพานมิตรภาพเมียนมา-สปป.ลาว ที่ให้บริการมากกว่า 20 ปีก็มีอันปิดต้วลงไปอีก จึงทำให้เรือแม่น้ำโขงช่วงนี้ต่างประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมันอย่างหนักและต้องตุนน้ำมันใส่ถังกันเองเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
ทั้งนี้จีน เปิดปฏิบัติการระเบิดเกาะแก่งกลางแม่น้ำโขงดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2543 แล้ว เพื่อเปิดร่องน้ำให้เรือสินค้าขนาด 300 ตันแล่นในแม่น้ำโขงได้ตั้งแต่มณฑลยูนนาน-หลวงพระบาง สปป.ลาว ตลอดทั้งปี และเมื่อติดขัดปัญหาการต่อต้านจากเครือข่ายภาคประชาชนในลุ่มน้ำโขงของไทย จนไม่สามารถระเบิดเกาะแก่งน้ำโขงตามแนวพรมแดน อ.เชียงแสน อ.เชียงของ และ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ก็หันไปโหมดำเนินการในเขตจีนแทนดังกล่าว
ด้านศูนย์ควบคุมแม่น้ำล้านช้าง เขื่อนจี่งหง เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา แจ้งว่าเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมาเขื่อนได้ระบายน้ำออกมาในปริมาณ 2,172 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อนอยู่ที่ 599.62เมตร ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำที่หน้าที่ว่าการ อ.เชียงแสน วัดได้ลึกประมาณ 2.62 เมตร