สามเหลี่ยมทองคำ/เชียงราย - ผู้ประกอบการชายแดนวอนรัฐเจรจาจีนแก้ปัญหาระดับน้ำโขงขึ้นลงเร็วแบบรายวันจนเรือเกยตื้นกลางคันกันเพียบ บางลำเบียดชนกันคาร่องน้ำ ขณะที่ท่าเรือริมฝั่งต้องต่อสะพานลงหาดนับสิบเมตรให้คนลงเรือ
ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ขึ้นลงตามที่ศูนย์ควบคุมแม่น้ำล้านช้าง (แม่น้ำโขง) สป.จีน กดปุ่มระบายน้ำผ่านเขื่อนจิ่งหง เขตปกครองตนเองชนชาติไตสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ที่อยู่เหนือสามเหลี่ยมทองคำ-อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ขึ้นไปราว 344 กม. นับวันยิ่งส่งผลกระทบต่อคนท้ายน้ำมากขึ้นเรื่อยๆ
ล่าสุดบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน ซึ่งเป็นชายแดนติดกับแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว และ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า พบว่าเกิดหาดทรายตรงปากแม่น้ำรวกที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขงเป็นบริเวณกว้าง โขดหินโผล่ขึ้นมาให้เห็นเหมือนช่วงฤดูแล้งเดือน เม.ย.อีกด้วย
ท่าเรือท่องเที่ยวเอกชนที่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกประมาณ 8 จุด ต้องนำไม้ไผ่มาทำเป็นสะพานยื่นลงไปในหาดทรายเพื่อเป็นท่าขึ้นลงเรือแทน ขณะที่เรือสินค้าขนาดใหญ่ไม่สามารถแล่นไปมาได้ คงเหลือเพียงเรือขนส่งสินค้าขนาดเล็ก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรือสัญชาติลาวและเรือท่องเที่ยวที่กินน้ำตื้นเท่านั้นที่ยังคงให้บริการได้
นางเกศสุดา สังขกร ประธานกลุ่มผู้ประกอบการค้าชายแดน อ.เชียงแสน และรองประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า ยังไม่ชัดเจนว่าน้ำโขงแห้งมากแบบนี้เกิดจากภัยธรรมชาติหรือเกิดจากเขื่อนในจีน แต่ก็อยากให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวช่วยประสานขอความร่วมมือกับจีนให้แจ้งการระบายน้ำจากเขื่อนแก่ผู้ประกอบการในแม่น้ำโขงได้ทราบโดยเร็วด้วยเพื่อที่จะประเมินสถานการณ์ได้
เพราะระดับน้ำในแม่น้ำโขงขณะนี้เป็นปัญหามาก เช่น เมื่อออกเรือขนส่งสินค้าไปแล้ว พอถึงกลางทางน้ำโขงแห้งเรือต้องเกยตื้นหรือแล่นลำบากเนื่องจากบรรทุกสินค้ามามาก ทำให้ต้องเสียต้นทุนขนถ่ายลงเรืออีกลำหรือบางครั้งต้องว่าจ้างเรือชักลากจนพ้นสันดอนทรายหรือช่องแคบต่างๆ ครั้งละไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท ทั้งยังมีปัญหาเรื่องความเสี่ยงและต้นทุนอื่นๆ ที่อาจจะตามมาจากน้ำแห้งฉับพลันอีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้อาจเป็นปัญหาระยะยาวได้หากไม่รีบแก้ไข
นางเกศสุดากล่าวอีกว่า แม่น้ำโขงปีนี้ผิดปกติกว่าทุกครั้งเพราะแห้งลงอย่างรวดเร็วจึงส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนมาก จากทุกปีที่ผ่านมาแม้น้ำจะแห้งแต่ก็ยังสามารถขนถ่ายสินค้าได้ตลอดทั้งปี แต่ครั้งนี้ระดับน้ำลดลงจนทำให้เรือบรรทุกสินค้าขนาดบรรทุกแค่ 90 ตันแล่นไม่ได้ และต้องลดการบรรทุกลงอีกให้เหลือเพียง 60 ตันเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเรือจะเกยตื้นได้
“ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาพอน้ำโขงลดกะทันหัน เรือบางลำที่ได้บรรทุกน้ำหนักเกินกว่า 60 ตันออกจากท่าไปแล้วประสบเหตุชนโขดหินจนสินค้าเสียหายทั้งหมด และเรือหลายลำก็ชนกันเพราะช่องทางเดินแคบทำให้แม่น้ำโขงทางตอนเหนือมีความเชี่ยวกรากมากขึ้นจนเรือประสบอุบัติเหตุได้ง่าย”
สำหรับกรณีการลดระดับการปล่อยน้ำจากเขื่อนจิ่งหงของทางการจีนดังกล่าวเป็นการเอื้อต่อการดำเนินโครงการปรับปรุงร่องน้ำที่ต้องระเบิดเกาะแก่งออกบางจุดเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินเรือสินค้าให้ได้ระดับ 300-500 ตัน ระหว่างเส้นทางเมืองกาหลันป้า-ท่าเรือกวนเหล่ย ซึ่งเป็นเมืองท่าหน้าด่านของจีนในแม่น้ำโขง (แม่น้ำล้านช้าง) ติดกับ สปป.ลาว และพม่า รวมทั้งเพื่อเตรียมสร้างเขื่อนกาหลันป้า ซึ่งหากว่าสร้างแล้วเสร็จก็จะเป็นเขื่อนที่อยู่ใกล้กับประเทศไทยมากที่สุดด้วย