บุรีรัมย์-ชาวนาบุรีรัมย์เดือดร้อนหลังเจอภัยแล้งขาดน้ำหล่อเลี้ยงต้นข้าวทำให้เมล็ดข้าวลีบและผลผลิตลดลงเกือบครึ่ง ซ้ำยังเจอข้าวแดงปนเพราะไม่ได้เปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ ทำให้ขายได้ราคาต่ำไม่คุ้มทุนบางโรงสีไม่รับซื้อ วอนรัฐช่วยบรรเทาความเดือดร้อน
วันนี้ (5 พ.ย.62) ชาวนาหลายหมู่บ้านในตำบลแคนดง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้งขาดน้ำหล่อเลี้ยงต้นข้าวในช่วงต้นฤดู และช่วงที่ข้าวใกล้ออกรวง ทำให้ต้นข้าวไม่เจริญงอกงามเต็มที่เมล็ดลีบ และปริมาณผลผลิตลดลงเกือบครึ่ง ทั้งยังเจอปัญหาข้าวแดงปนเนื่องจากไม่ได้เปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าว และบางส่วนก็ติดมากับรถเกี่ยว ทำให้นำไปขายตามโรงสีได้ราคาต่ำกว่าปกติไม่คุ้มทุน ขณะที่บางโรงสีก็ไม่รับซื้อ ทำให้ได้รับความเดือดร้อน
นางนวลจันทร์ ลายสุขัง อายุ 70 ปี ชาวนาบ้านยางทะเล ต.แคนดง อ.แคนดง บอกว่า ครอบครัวทำนาทั้งหมด 10 ไร่ ปกติเคยได้ผลผลิต 3 อุ้ม แต่ปีนี้ประสบปัญหาภัยแล้งทำให้ปริมาณผลผลิตลดลงเกือบครึ่งเหลือไม่ถึง 2 อุ้ม อีกทั้งยังเจอปัญหาเมล็ดข้าวลีบและข้าวแดงปน ทำให้ขายได้ราคาต่ำบางโรงสีก็ไม่รับซื้อเลย จากผลกระทบดังกล่าวก็อยากให้หน่วยงานภาครัฐช่วยเหลือ จัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพมาแจกจ่ายฟรีเพื่อจะได้มีพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพดีเพาะปลูกในฤดูกาลผลิตหน้า และอยากให้หามาตรการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งด้วย
ด้านนายศุภสิทธิ์ อึ้งพัฒนากิจ เจ้าของโรงสีสหพัฒนาค้าข้าวอ.สตึก กล่าวว่า ช่วงนี้ได้มีชาวนานำข้าวเปลือกมาขายที่โรงสีเฉลี่ยวันละกว่า 200 ราย ปริมาณข้าววันละประมาณ 600 ตัน ยอมรับว่ามีชาวนาบางรายนำข้าวเปลือกที่มีเมล็ดลีบและข้าวแดงปนมาขาย ซึ่งทางโรงสีก็รับซื้อไว้แต่ก็ให้ราคาตามคุณภาพและเปอร์เซ็นต์ต้นข้าว เพราะเห็นใจชาวนา ซึ่งปัญหาที่เมล็ดข้าวลีบมาจากปัญหาภัยแล้ง ส่วนข้าวแดงปนเกิดจากเกษตรกรไม่ได้เปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวมากกว่า จึงอยากฝากให้เกษตรกรเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์หรือหาซื้อตามศูนย์จำหน่ายของรัฐ เพื่อจะได้ข้าวที่มีคุณภาพ เพราะหากข้าวไม่ได้คุณภาพโรงสีก็จะไม่กล้ารับซื้อเพราะจะเป็นปัญหาในการส่งออกด้วยเช่นกัน