xs
xsm
sm
md
lg

“มนัญญา” รมช.เกษตรฯ ลุยสุรินทร์แก้ปัญหาโรคไหม้คอรวงข้าวระบาดหนัก ข้าวหอมมะลิสูญแสนไร่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สุรินทร์ - “มนัญญา” รมช.เกษตรฯ ลงพื้นที่เมืองช้างติดตามแก้ปัญหาและเร่งหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกร หลังโรคไหม้คอรวงข้าวระบาดหนักในนาข้าวหอมมะลิ กข 15 เสียหายนับแสนไร่ใน 13 อำเภอ สั่งกรมการข้าวเตรียมเมล็ดพันธุ์แจกจ่ายชาวนาที่ประสบภัย


วันนี้ (28 ต.ค.) ที่แปลงนาของเกษตรกรบ้านอู่โลก ต.อู่โลก อ.ลำดวน จ.สุรินทร์ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคไหม้คอรวงข้าว แปลงปลูกข้าวหอมมะลิ กข 15 ใน จ.สุรินทร์ พื้นที่ อ.ลำดวน อ.สำโรงทบ โดยมีนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ นายปกรณ์ มุ่งเจริญพร ส.ส.สุรินทร์ เขต 1 พรรคภูมิใจไทย นายมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชาวนาในพื้นที่ให้การต้อนรับและรายงานข้อมูลที่เกิดขึ้น


โดยพื้นที่นาข้าว ต.อู่โลก อ.ลำดวน เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ประสบปัญหาโรคไหม้คอรวงข้าวระบาดในแปลงนาข้าวหอมมะลิ พันธุ์ กข 15 โดยการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ครั้งนี้เพื่อรับทราบปัญหาและหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหา โดยเฉพาะการจัดหาเมล็ดพันธุ์ช่วยเหลือเกษตรกรในฤดูกาลเพาะปลูกใหม่ ซึ่งกรมการข้าวพร้อมจัดหาและแจกจ่ายให้แก่ชาวนาที่ประสบปัญหาในการเพาะปลูกในฤดูกาลต่อไป

อีกทั้งได้มอบเชื้อราไตรโคเดอร์มาให้แก่ตัวแทนเกษตรกรเพื่อนำไปขยายเชื้อแจกจ่ายแก่บเกษตรกรที่ประสบปัญหาโรคไหม้คอรวงข้าวนำไปฉีดพ่นในแปลงนา นอกจากนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้รับปากที่จะให้การสนับสนุนในเรื่องโรงอบเมล็ดพันธุ์ข้าวให้สหกรณ์การเกษตรในพื้นที่อีกด้วย

จากนั้น รมช.เกษตรและสหกรณ์ได้เดินทางต่อไปยังพื้นที่บ้านหนองเสือ หมู่ 8 ต.ศรีสุข อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ เพื่อติดตามสถานการณ์ปัญหาในเรื่องเดียวกันนี้ ซึ่งพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิได้รับความเสียหายกระจายไปทั่วทั้งอำเภอ


น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดต้องยอมรับเกษตรกรรู้จักการพัฒนาตนเองรับมือ โดยการทำเชื้อไตรโคเดอร์มาใช้ในการเพาะปลูกเพื่อแก้ไขปัญหา แต่มีปัญหาเรื่องของการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวซ้ำซากในแปลงเดียวกัน เลยส่งผลให้พืชไร่อ่อนแอทำให้โรคต่างๆเกิดขึ้น ซึ่งทางกรมการข้าว และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ให้ความสำคัญ ซึ่งหากรวมตัวกันเป็นเกษตรแปลงใหญ่การช่วยเหลือกจะดีขึ้น โดยกรมการข้าวจะแจกเมล็ดพันธุ์ข้าวให้แก่เกษตรกร และให้เน้นย้ำเกษตรกรอย่าเก็บเมล็ดพันธุ์ที่เกิดโรคไว้ ต้องนำเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ประสบปัญหาออกไป ต่อไปจะมีนโยบายให้เกษตรจังหวัดในแต่ละพื้นที่จะต้องมีการอบรมเกษตรกรก่อนทำการปลูกอะไรลงไป เพราะหากเกษตรกรมีความรู้จะได้เข้าใจในสิ่งที่ทำ

ส่วนเรื่องของเมล็ดพันธุ์ข้าวที่จะแจกจ่ายให้แก่เกษตรกรที่ประสบปัญหา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ยืนยันมีเพียงพอ ซึ่งต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มีนโยบายให้บางส่วนไปซื้อกับสหกรณ์ ซึ่งสหกรณ์ใดในจังหวัดนั้นๆ ที่มีเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เหลือก็สามารถรวบรวมแล้วมาขายให้รัฐบาลได้


ในขณะเดียวกันความต้องการเยียวยาและให้การช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาโรคไหม้คอรวงข้าวนั้น ทางด้าน นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ในส่วนของความต้องการของเกษตรกรนั้นแบ่งออกเป็น ส่วนที่เสียหายแล้วคือเงินเยียวยา ซึ่งต้องของบฯ กลางในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ไป

ส่วนประเด็นที่ 2 ความเสียหายในครั้งนี้แตกต่างจากกรณีน้ำท่วม กับฝนแล้ง หากเกษตรกรแจ้งได้รับผลกระทบจาก 2 อย่างนี้จะไม่ได้ค่าเก็บเกี่ยว แต่ในครั้งนี้ชาวบ้านจะต้องเก็บเกี่ยว แม้จะเสียหายในเชิงเศรษฐกิจ 90% ก็ตาม กรมการข้าวจะจ่ายค่าชดเชยชาวนาก็ต้องเก็บเกี่ยว ขอฝากรัฐบาลผ่านรัฐมนตรี เป็นไปได้หรือไม่การเยียวยาก็จ่ายให้ และค่าช่วยเหลือในการเก็บเกี่ยวผลผลิตด้วย เพราะอย่างไรชาวนาต้องเก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ชาวบ้านอยากได้ เท่าที่ตนลงพื้นที่และรับฟังจากชาวบ้าน


สำหรับพื้นที่ระบาดของโรคไหม้คอรวงข้าวในนาข้าวหอมมะลิของชาวบ้านจังหวัดสุรินทร์พบขยายวงกว้างจำนวน 13 อำเภอ จากทั้งหมด 17 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ลำดวน ระบาดจำนวน 5,533 ไร่, อ.สนม จำนวน 8,968 ไร่, อ.ศรีณรงค์ 850 ไร่, อ.ปราสาท 22,726 ไร่, อ.โนนนารายณ์ 874 ไร่, อ.สำโรงทาบ 12,620 ไร่, อ.สังขะ 830 ไร่, อ.ชุมพลบุรี 21,274 ไร่, อ.รัตนบุรี 5,135 ไร่, อ.เมืองสุรินทร์ 2,372 ไร่, อ.ศีขรภูมิ 9,924 ไร่, อ.เขวาสินรินทร์ 84 ไร่ และ อ.จอมพระ ระบาดจำนวน 110 ไร่ รวมทั้งหมด 91,300 ไร่

นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้สั่งการให้นายอำเภอและเกษตรอำเภอระดมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เร่งหาทางป้องกันและควบคุมการระบาดอย่างเร่งด่วน ขณะที่ สนง.เกษตร จ.สุรินทร์ ได้ประสานงานขอเชื้อไตรโคเดอร์มาจากศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตร ด้านอารักขาพืช จ.นครราชสีมา เพื่อนำมาขยายเชื้อ และสอนวิธีขายเชื้อให้เกษตรกรชาวสุรินทร์แล้วกว่า 1 พันกิโลกรัม เพื่อนำไปฉีดพ่นกำจัดโรคไหม้คอรวงข้าวแล้ว ส่วนอำเภอต่างๆ ที่โรคไหม้คอรวงข้าวกำลังระบาดได้เร่งสำรวจเพื่อรายงานข้อมูลมาที่จังหวัดสุรินทร์เพื่อพิจารณาประกาศเป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัย เพื่อช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรตามระเบียบแล้ว

ทั้งนี้ สาเหตุและปัจจัยของการเกิดโรคไหม้คอรวงข้าวในเบื้องต้น คือการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวจากแหล่งที่เกิดโรคไหม้จากปีที่แล้วมาใช้ทำพันธุ์ในปีนี้ เกษตรกรหว่านข้าวแน่นเกินไป โดยใช้เมล็ดพันธุ์ 30-50 กิโลกรัมต่อไร่ ทำให้ต้นข้าวหนาแน่น เกิดความชื้นสูงใต้ต้นข้าว อากาศถ่ายเทไม่ดี และในช่วงเดือนพฤษภาคม 2562-สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมาพื้นที่เพาะปลูกข้าวในเขต จ.สุรินทร์ได้รับผลกระทบจากปัญหาฝนทิ้งช่วง พอถึงเดือนกันยายน 2562 พายุพัดผ่าน ทำให้พื้นที่ทำนามีน้ำขัง เกษตรกรได้เร่งใส่ปุ๋ยเคมีบำรุงต้น และมีการใช้ปุ๋ยยูเรียผสมเคมีสูตร 16-16-8 หว่านในนาข้าว ในอัตราประมาณ 30-50 กิโลกรัมต่อไร่








กำลังโหลดความคิดเห็น