“เศรษฐพงค์” ยัน “ภท.-รัฐบาล” ทำงานมีเอกภาพ ชี้แบน 3 สารพิษ เพราะคิดถึงชีวิต-ความปลอดภัย ปชช.เป็นหลัก เมินประเทศยักษ์ใหญ่ตัด “จีเอสพี”
เมื่อวันที่ 28 ต.ค. พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีข่าวว่าสหรัฐอเมริกาได้ระงับสิทธิพิเศษทางพิกัดอัตราภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือจีเอสพี แก่สินค้าส่งออกบางประเภทจากไทย โดยมีรายงานว่าเหตุผลหนึ่งมาจากการแบน 3 สารพิษซึ่งเป็นการผลักดันของพรรคภูมิใจไทยว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนว่าเขาตัดจีเอสพีเพราะการแบน 3 สารพิษ เนื่องจากเขาให้เหตุผลว่าเพราะรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยยังไม่สามารถยกระดับสิทธิแรงงานให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล ซึ่งไม่ว่าเขาจะตัดสินใจด้วยเหตุผลใด ตนต้องขอทำความเข้าใจก่อนว่าที่เราผลักดันการแบน 3 สารพิษได้สำเร็จ เป็นเพราะการทำงานอย่างเป็นเอกภาพของรัฐบาล เราเห็นชัดเจนว่าสารดังกล่าวมีผลกระทบต่อสุขภาพคนไทยจริงๆ แล้วในเมื่อพรรคภูมิใจไทยมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบโดยตรง ทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข รวมถึง น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ ก็ต้องทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน แล้วเมื่อเราผลักดันสำเร็จก็ถือเป็นความสำเร็จของรัฐบาลเช่นกันที่ได้ทำเรื่องที่ดีเพื่อชีวิตในอนาคตของประชาชนคนไทย และพรรคภูมิใจไทยยังจะยืนยันหลักการทำงานเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ เพื่อปากท้องพี่น้องประชาชนต่อไป
พ.อ.เศรษฐพงค์กล่าวต่อว่า ส่วนการที่มีบางประเทศจะตัดสิทธิจีเอสพีนั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เรื่องดังกล่าวตนขอพูดในหลักการโดยไม่เจาะจงไปยังประเทศใดประเทศหนึ่ง ว่าหลักการบริหารประเทศในเชิงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ก่อนอื่นเลยประเทศยักษ์ใหญ่ไม่ควรใช้วิธีการในเชิงแทรกแซง หรือกดดันการบริหารงานของประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศที่เล็กกว่า มีศักยภาพน้อยกว่า แต่ควรให้ความเคารพในการบริหารงานของประเทศไทย ที่ผ่านมาเมื่อประเทศไทยตกอยู่ในภาวะอ่อนไหวทางการเมืองหลังการรัฐประหาร อยู่ในวิกฤต ก็ไม่เห็นประเทศยักษ์ใหญ่ยื่นมือเข้ามาช่วยอะไร มาถึงตอนนี้เมื่อไทยดำเนินการเพื่อประโยชน์ เพื่อคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดี จึงอยากเห็นการสนับสนุนจากประเทศยักษ์ใหญ่ เพราะจะเป็นท่าทีที่ชี้ว่าเห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่า ตนคิดว่าเรื่องที่มีผลกระทบชีวิตประชาชนไม่ควรนำมาเป็นข้อได้เปรียบเสียเปรียบกัน ซึ่งการบริหารงานเชิงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต้องรู้จักได้รู้จักเสีย
“ผมหวังว่าการแบน 3 สารพิษจะไม่ใช่เหตุผลหลักในการตัดจีเอสพีประเทศไทย แต่ถึงอย่างไรประเทศไทยเราก็ขอยืนยันว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกทำอะไรสักอย่าง เราก็จะเลือกทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตพี่น้องประชาชนมาก่อนเป็นลำดับแรก เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด” พ.อ.เศรษฐพงค์กล่าว
เมื่อวันที่ 28 ต.ค. พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีข่าวว่าสหรัฐอเมริกาได้ระงับสิทธิพิเศษทางพิกัดอัตราภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือจีเอสพี แก่สินค้าส่งออกบางประเภทจากไทย โดยมีรายงานว่าเหตุผลหนึ่งมาจากการแบน 3 สารพิษซึ่งเป็นการผลักดันของพรรคภูมิใจไทยว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนว่าเขาตัดจีเอสพีเพราะการแบน 3 สารพิษ เนื่องจากเขาให้เหตุผลว่าเพราะรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยยังไม่สามารถยกระดับสิทธิแรงงานให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล ซึ่งไม่ว่าเขาจะตัดสินใจด้วยเหตุผลใด ตนต้องขอทำความเข้าใจก่อนว่าที่เราผลักดันการแบน 3 สารพิษได้สำเร็จ เป็นเพราะการทำงานอย่างเป็นเอกภาพของรัฐบาล เราเห็นชัดเจนว่าสารดังกล่าวมีผลกระทบต่อสุขภาพคนไทยจริงๆ แล้วในเมื่อพรรคภูมิใจไทยมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบโดยตรง ทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข รวมถึง น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ ก็ต้องทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน แล้วเมื่อเราผลักดันสำเร็จก็ถือเป็นความสำเร็จของรัฐบาลเช่นกันที่ได้ทำเรื่องที่ดีเพื่อชีวิตในอนาคตของประชาชนคนไทย และพรรคภูมิใจไทยยังจะยืนยันหลักการทำงานเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ เพื่อปากท้องพี่น้องประชาชนต่อไป
พ.อ.เศรษฐพงค์กล่าวต่อว่า ส่วนการที่มีบางประเทศจะตัดสิทธิจีเอสพีนั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เรื่องดังกล่าวตนขอพูดในหลักการโดยไม่เจาะจงไปยังประเทศใดประเทศหนึ่ง ว่าหลักการบริหารประเทศในเชิงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ก่อนอื่นเลยประเทศยักษ์ใหญ่ไม่ควรใช้วิธีการในเชิงแทรกแซง หรือกดดันการบริหารงานของประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศที่เล็กกว่า มีศักยภาพน้อยกว่า แต่ควรให้ความเคารพในการบริหารงานของประเทศไทย ที่ผ่านมาเมื่อประเทศไทยตกอยู่ในภาวะอ่อนไหวทางการเมืองหลังการรัฐประหาร อยู่ในวิกฤต ก็ไม่เห็นประเทศยักษ์ใหญ่ยื่นมือเข้ามาช่วยอะไร มาถึงตอนนี้เมื่อไทยดำเนินการเพื่อประโยชน์ เพื่อคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดี จึงอยากเห็นการสนับสนุนจากประเทศยักษ์ใหญ่ เพราะจะเป็นท่าทีที่ชี้ว่าเห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่า ตนคิดว่าเรื่องที่มีผลกระทบชีวิตประชาชนไม่ควรนำมาเป็นข้อได้เปรียบเสียเปรียบกัน ซึ่งการบริหารงานเชิงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต้องรู้จักได้รู้จักเสีย
“ผมหวังว่าการแบน 3 สารพิษจะไม่ใช่เหตุผลหลักในการตัดจีเอสพีประเทศไทย แต่ถึงอย่างไรประเทศไทยเราก็ขอยืนยันว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกทำอะไรสักอย่าง เราก็จะเลือกทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตพี่น้องประชาชนมาก่อนเป็นลำดับแรก เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด” พ.อ.เศรษฐพงค์กล่าว