"อนุทิน" ยันตัดสิทธิจีเอสพีไม่เกี่ยวแบนสารพิษ และข้อแลกเปลี่ยนให้ไทยนำเข้าหมูมีสารเร่งเนื้อแดง ยันไม่นำเข้าอะไรที่ปนเปื้อน มีสารตกค้าง ส่วนเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลองฟ้องศาลขอยกเลิกมติแบน เป็นเรื่องที่ทำได้ตามสิทธิ แต่มติแบนเพราะกก.เห็นแล้วว่ามีโทษมากกว่าประโยชน์
วันนี้ (28 ต.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสหรัฐอเมริกาจะตัดสิทธิพิเศษภาษีศุลากากรสินค้า (จีเอสพี) ประเทศไทย ซึ่งหลายภาคส่วนกังวลว่าจะมีข้อแลกเปลี่ยนให้ไทยนำเข้าหมูที่มีสารเร่งเนื้อแดงเข้ามาในประเทศหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาสกรัฐฯ พยายามให้นำเข้ามาโดยตลอด ว่า บอกแล้วว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการแบนสารเคมี แต่สหรัฐฯ กล่าวอ้างถึงเรื่องสิทธิผู้ใข้แรงงานเขียนไว้ชัดเจนในแถลงการณ์ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการแบนสารพิษ และเรื่องหมูก็คงไม่เกี่ยว ถ้าของดี ไม่มีสารปนเปื้อนก็คงไม่มีปัญหาอะไร ยืนยันว่าไทยไม่มีการอนุญาตให้นำเข้าอะไรก็ตามที่มีสารปนเปื้อนหรือสารตกค้าง หรือสารที่ไม่มีประโยชนือะไรกับร่างกายมนุษย์ ไม่มีอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงกรณีเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลองยื่นฟ้องศาลปกครองขอให้ยกเลิกมติแบน 3 สารพิษของคณะกรรมการวัตถุอันตราย นายอนุทิน กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิของทุกคนที่จะแสดงออก หน้าที่ของ สธ. คณะกรรมการวัตถุอันตราย ก็ทำตามนโยบายของกระทรวง ที่คำนึงถึงสุขภาพและชีวิตของประชาชนเป็นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด แต่ผลออกมาแล้วใครจะไปฟ้องศาลก็ถือว่าใช้สิทธิของเขา ไม่มีปัญหาอะไร เราเคารพทุกอย่างที่เป็นกฎหมายอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าจะตอบโต้กรณีเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลองบอกว่า สธ.ใช้ข้อมูลที่เป็นเท็จ ไม่มีการวิจัยผลกระทบของสารเคมีอย่างแท้จริง นายอนุทิน กล่าวว่า แผลที่พุพอง คนที่เป็นมะเร็งเป็นโรคต่างๆ เด็กที่มีสารพิษในร่างกายตั้งแต่กำเนิด คงชัดเจนมากกว่าผลการวิจัย และนี่ยิ่งกว่างานวิจัย เพราะเห็นชัดๆ กรอกไปก็ตายทุกคน เราไม่จำเป็นต้องชี้แจงอะไรอีก ในนั้นเป้นเรื่องของคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่ได้มีการใช้วิจารณญาณและดุลพินิจของท่านในการลงมติ ถ้าเห็นว่าสารเหล่านี้มีประโยชน์มากกว่าโทษก็สนับสนุนไปแล้ว แต่ท่านแน่ใจว่ามีโทษมากกว่าประโยชน์ก็เลยแบน