xs
xsm
sm
md
lg

ผอ.สำนักพุทธเชียงใหม่ตั้งโต๊ะแจงกรณีชุมชนค้านเอกชนเช่าวัดร้างผุดโรงแรมพร้อมรับเรื่องจริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผอ.สำนักพุทธเชียงใหม่ตั้งโต๊ะแจงกรณีเอกชนเช่าที่วัดร้างจ่อผุดโรงแรมในชุมชนล่ามช้าง ยอมรับผู้เช่าใหม่มีการยื่นขอเปลี่ยนวัตถุประสงค์เป็นโรงแรมจริง แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตและยกเลิกสัญญาไม่ได้เพราะยังไม่ได้ทำผิด


จากกรณีชุมชนล่ามช้าง ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ คัดค้านการที่เอกชนรายหนึ่งเช่าที่ดินวัดร้าง เนื้อที่ 754 ตารางวา จากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งอยู่ติดกับวัดล่ามช้าง และเคยเป็นโรงเรียนอนุศึกษาที่ปิดกิจการไปเมื่อหลายปีที่แล้ว และมีความพยายามที่จะมีการเปิดกิจการโรงแรมบนที่ดินดังกล่าวนั้น

วันนี้ (8 ส.ค. ) นายอุบลพันธุ์ ขันผนึก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงว่า ที่ดินดังกล่าวนั้นเดิมกรมการศาสนาได้อนุมัติให้นางประไพ ระเบ็ง เป็นผู้เช่าที่ดินวัดร้างดังกล่าวเพื่อก่อตั้งโรงเรียนอนุศึกษา สัญญาเช่ารายปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 เมื่อนางประไพได้ถึงแก่กรรมเมื่อ 17 ก.ย. 2549 นางปราณี ระเบ็ง ที่เป็นบุตรบุญธรรมได้ขอรับเช่าสืบแทนสิทธิการเช่าที่เดิม

ต่อมา บริษัทดอยคำฮิลล์ไซด์ ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด โดยนายเศวต เวียนทอง ได้รับมอบอำนาจโอนสิทธิ์การเช่าเพื่อก่อตั้งเป็นโรงเรียนการโรงแรมและการท่องเที่ยวนานาชาติ ภายใต้เงื่อนไขของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และภายหลังต่อมาบริษัทดังกล่าวได้แจ้งเปลี่ยนวัตถุประสงค์เป็นการก่อตั้งโรงเรียนการโรงแรมและประกอบกิจการโรงแรมแทน และยังได้ขอทำสัญญาเช่าเป็นระยะเวลา 30 ปี แต่เนื่องจากมีการร้องเรียนคัดค้านเกิดขึ้นเรื่องดังกล่าวจึงถูกระงับไว้

อย่างไรก็ตาม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติยังไม่ได้อนุมัติการเปลี่ยนวัตถุประสงค์ตามความต้องการของบริษัทดังกล่าว ทั้งนี้จะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณางบประมาณศาสนสมบัติกลางประจำ (พศป.) และที่ประชุมมหาเถรสมาคมเพื่อพิจารณาต่อไป

นายอุบลพันธุ์ระบุว่า กรณีที่ทางชุมชนต้องการเรียกร้องให้ยกเลิกสัญญาเช่ากับเอกชนรายนี้นั้น เบื้องต้นตามกฎหมายไม่สามารถทำได้เพราะยังไม่พบว่าเอกชนรายนี้มีการทำผิดข้อตกลงหรือเงื่อนไขใดๆ ในสัญญา ซึ่งหากปัจจุบันมีการเปิดเป็นโรงแรมและให้คนเข้าพักแล้วจึงจะเป็นความผิด แต่ในเวลานี้ยังเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้น ทั้งนี้ การที่เอกชนรายนี้ทำเรื่องยื่นขอเปลี่ยนวัตถุประสงค์เป็นประกอบกิจการโรงแรมนั้น ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ได้รับคำขอไว้ แต่การพิจารณาอนุญาตหรือไม่นั้นต้องให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติพิจารณา

ส่วนกรณีที่ทางวัดและชุมชนล่ามช้างร้องขอให้มีการคืนพื้นที่ที่ดินวัดต้นปูน (ร้าง) ดังกล่าวคืนให้วัดล่ามช้าง เพื่อผนวกรวมกันให้วัดและชุมชนใช้ประโยชน์ โดยมีการกล่าวอ้างว่าที่ดินเคยเป็นแปลงเดียวกันนั้น ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า เบื้องต้นไม่สามารถทำได้เพราะยังมีสัญญากับเอกชน และจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าที่ดินของวัดล่ามช้าง และวัดต้นปูน (ร้าง) ไม่ได้เป็นที่ดินแปลงเดียวกัน รวมทั้งจากการตรวจสอบข้อมูลเอกสารหลักฐานต่างๆ ยังไม่พบด้วยว่ามีการผนวกรวมวัดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งหากทางวัดหรือชุมชนล่ามช้างมีหลักฐานการผนวกรวมวัด สามารถนำมาใช้เรียกร้องสิทธิ์ได้

สำหรับสัญญาการเช่าที่ดินวัดร้างแห่งนี้นั้น นายอุบลพันธุ์บอกว่า แม้จะเป็นสัญญาเช่ารายปี แต่เมื่อครบสัญญาจำเป็นต้องต่อสัญญาให้ เพราะบนที่ดินดังกล่าวมีทรัพย์สินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นสมบัติของผู้เช่าอยู่เป็นสิ่งที่ยึดหน่วงให้ผู้เช่าได้สิทธิ์การเช่าก่อนผู้อื่น ขณะที่การยื่นขอเปลี่ยนวัตถุประสงค์จากเดิมที่เป็นโรงเรียนเป็นเพื่อประกอบกิจการโรงแรม ทางผู้เช่าย่อมมีสิทธิที่จะยื่นคำขอได้ ซึ่งหากได้รับการอนุญาตจะต้องมีการปรับเปลี่ยนในส่วนของอัตราค่าเช่าที่สูงขึ้นตามประเภทธุรกิจและผลตอบแทนที่ผู้เช่าได้รับ อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ยังไม่มีการอนุญาตให้เปลี่ยนวัตถุประสงค์การเช่าแต่อย่างใด ซึ่งการพิจารณาทั้งหมดขึ้นอยู่กับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

นอกจากนี้ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่เปิดเผยว่า ในจังหวัดเชียงใหม่มีการให้เช่าที่ดินวัดร้างจำนวน 325 วัด และมีผู้เช่าวัดร้างเป็นทั้งประชาชน หน่วยงานรัฐ และเอกชน จำนวนทั้งสิ้น 1,167 ราย ซึ่งมีการเช่าเพื่อใช้ประโยชน์ต่างๆ ทั้งเช่าเพื่อทำเป็นที่อยู่อาศัย, สำนักงาน และสถานที่ราชการ เป็นต้น โดยมีการเช่าที่ดินวัดร้างเพื่อเปิดกิจการโรงแรมอยู่ 1 แห่ง ย่านถนนศรีดอนไชย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้ ในช่วงตั้งแต่เดือน ต.ค. 60 ถึง ก.ค. 61 สามารถจัดเก็บเงินค่าเช่าได้ทั้งสิ้นกว่า 18.35 ล้านบาท




กำลังโหลดความคิดเห็น