รายงาน - ชุมชนค้านหนักเอกชนเช่าที่วัดร้างเชียงใหม่เลี่ยงบาลีจ่อผุด “โรงแรม”
ชุมชนค้านหนักเอกชนเช่าที่วัดร้างเชียงใหม่อายุเก่าแก่จากสำนักพุทธฯ และยื่นขอก่อสร้างแล้ว อ้างเตรียมเปิด “โรงเรียนการโรงแรม” เชื่อแค่เลี่ยงบาลีจ่อผุด “โรงแรม” เหมือนที่มีความพยายามมาตลอด เผยเช่าปีละ 6 หมื่น แต่ประกาศเซ้ง 30-50 ล้าน พบผู้เช่าโชกโชนธุรกิจอสังหาฯ ไม่ใช่การศึกษา
ช่วงประมาณเดือน เม.ย.-พ.ค.60 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นนายหน้ามีการลงประกาศให้เช่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างระยะยาว 30 ปี ในราคา 30 ล้านบาท หรือซื้อสิทธิการเช่าในราคา 50 ล้านบาท และระบุด้วยว่า อยู่กลางเมืองเชียงใหม่ และเหมาะสำหรับการทำโรงแรม ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และต่อต้านคัดค้านอย่างหนักจากชาวบ้านในชุมชุนล่ามช้าง ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวที่มีเนื้อที่ 1 ไร่ 3 งาน 54 ตารางวานั้น เป็นที่ดินวัดร้างชื่อ “วัดต้นปูน” อายุเก่าแก่นับตั้งแต่เริ่มสร้างเมืองเชียงใหม่ เคียงคู่กับวัดล่ามช้าง ที่เคยเป็นที่ผืนเดียวกัน แต่ปัจจุบันถูกถนนกั้น โดยก่อนหน้านี้ เคยถูกเช่าเปิดเป็นโรงเรียนอนุศึกษา จนกระทั่งมีการปิดตัวไปช่วงประมาณปี พ.ศ.2557-2558 ทำให้ชุมชนต้องออกมาคัดค้านเพราะเห็นถึงความไม่เหมาะสมที่จะมีโรงแรมผุดขึ้นบนที่ดินแห่งนี้ ซึ่งทำให้เรื่องดังกล่าวเงียบหายไปในที่สุด
ล่าสุด ประเด็นเกี่ยวกับที่ดินวัดร้างดังกล่าวกลายเป็นเรื่องอีกครั้ง เมื่อชาวชุมชุนได้รับทราบข้อมูลว่า ช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย.61 ที่ผ่านมา ได้มีเอกชนรายหนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผู้เช่ารายใหม่ที่ได้ซื้อสิทธิการเช่าจากผู้เช่ารายเก่า ยื่นเรื่องขออนุญาตก่อสร้างต่อเติมดัดแปลงอาคารในที่ดินแปลงดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นโรงเรียนการโรงแรม ซึ่งชาวชุมชนต่างเกิดความไม่พอใจและคัดค้าน เนื่องจากเชื่อว่าเป็นความพยายามที่จะเปิดกิจการโรงแรมบนที่ดินวัดร้างให้ได้ เพียงแต่เลี่ยงบาลีว่าจะทำ “โรงเรียน” แต่ที่จริงก็คือ “โรงแรม” นั่นเอง
พระครูปลัดอานนท์ วิสุทโธ เจ้าอาวาสวัดล่ามช้าง ระบุว่า กรณีนี้ชุมชนเคลือบแคลงสงสัยอย่างยิ่งว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าจะมีความพยายามที่จะเปิดโรงแรมบนที่ดินวัดร้างแห่งนี้มาโดยตลอด ตั้งแต่ที่โรงเรียนอนุศึกษา ปิดตัวไป ซึ่งชุมชนคัดค้านมาตลอด เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะที่ดินดังกล่าวเป็นวัดร้าง หากไม่ได้ใช้ประโยชน์เป็นโรงเรียนแล้ว ควรจะใช้ประโยชน์สาธารณะมากกว่านำไปแสวงหาประโยชน์เชิงพาณิชย์
ทั้งนี้ ในช่วงที่โรงเรียนปิดตัวลง ทางวัดเคยพยายามที่จะขอเช่าที่ดินแปลงดังกล่าวจากทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแล้ว เพราะเสียค่าเช่าเพียงปีละประมาณ 60,000 บาทเท่านั้น เพื่อใช้ประโยชน์ทางศาสนาและชุมชน รวมทั้งเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองเชียงใหม่ เพราะทั้ง 2 วัดต่างเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยพญามังราย สร้างเมืองเชียงใหม่ และกำลังมีการผลักดันให้เชียงใหม่เป็นเมืองมรดกโลก แต่ได้รับการปฏิเสธ อ้างว่าผู้เช่ารายเดิมยังไม่หมดสัญญา ซึ่งไม่เข้าใจว่าแล้วเหตุใดในเวลาต่อมาจึงมีการเปลี่ยนผู้เช่าได้ และเตรียมจะมีการสร้างเป็นโรงเรียนสอนการโรงแรมด้วย
โดยเจ้าอาวาสวัดล่ามช้าง บอกด้วยว่า จากกรณีดังกล่าวนี้ทางชุมชนล่ามช้างและวัด ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งหากจะปล่อยให้มีการเปิดโรงแรมบนที่ดินวัดร้างแห่งนี้ที่มีประวัติศาสตร์นับตั้งแต่สร้างเมืองเชียงใหม่ ในเบื้องต้นจึงขอเรียกร้องให้สำนักงานพระพุทธศาสนา ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว และพิจารณาทบทวนเกี่ยวกับการให้เช่าที่ดินวัดร้างดังกล่าว เพื่อให้มีการนำไปใช้ประโยชน์ต่อสาธารณะ ไม่ใช่การแสวงหาประโยชน์เชิงพาณิชย์ ซึ่งได้มีการทำหนังสือส่งถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และอยู่ระหว่างการรอคำตอบ
ด้าน นายอุบลพันธ์ ขันผนึก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวทางผู้เช่ารายเดิมที่เช่าทำเป็นโรงเรียนได้มีการโอนสิทธิการเช่า หรือเซ้งต่อให้แก่ผู้เช่ารายใหม่แล้วเมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้ว โดยยังมีสัญญาเช่าเหลืออยู่อีก 25 ปี แต่ไม่ทราบว่ามีการเซ้งกันในราคาเท่าใด ทั้งนี้ ยอมรับว่าทราบว่าผู้เช่ารายใหม่จะมีการเปิดเป็นโรงเรียนเพื่อการโรงแรม
อย่างไรก็ตาม ทางผู้เช่ารายใหม่ยังไม่ได้มีการแจ้งเปลี่ยนวัตถุประสงค์การเช่าตามสัญญาเดิม ซึ่งสามารถยื่นขอเปลี่ยนวัตถุประสงค์ได้ แต่การจะให้เปลี่ยนวัตถุประสงค์การเช่าหรือไม่ และจะให้ทำสัญญาเช่าต่อไปหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการพิจารณางบประมาณศาสนสมบัติกลางประจำ (พศป.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่าจะพิจารณาแล้วเห็นควรอย่างไร
ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ บอกด้วยว่า จากกรณีดังกล่าวนี้ที่ทางชาวบ้านในชุมชนเกิดความกังวลว่าจะมีการเปิดโรงแรมในที่ดินแปลงดังกล่าว และต้องการให้ยกเลิกสัญญากับผู้เช่ารายใหม่นั้น เบื้องต้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ เพราะลำพังเพียงการคิดว่าจะมีการนำไปทำโรงแรมนั้นยังไม่สามารถใช้เป็นเหตุผลในการยกเลิกสัญญาได้เนื่องจากยังไม่มีการทำผิดเงื่อนไขสัญญา และมีกฎหมายคุ้มครองผู้เช่าอยู่
ขณะเดียวกัน อำนาจการพิจารณาตัดสินใจทั้งหมดเกี่ยวกับการให้เช่าที่ดินวัดร้างดังกล่าวนี้เป็นของคณะกรรมการส่วนกลาง ไม่ใช่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ บอกด้วยว่าปัจจุบันมีการให้เช่าที่ดินเพื่อการโรงแรมมีอยู่จำนวนมาก ซึ่งทำได้ เพียงแต่ต้องทำให้ถูกต้องตามเงื่อนไขวัตถุประสงค์ที่ขอเช่า และขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการว่าจะอนุญาตให้เช่าหรือไม่
สำหรับเอกชนผู้เช่าที่ดินวัดต้นปูน (ร้าง) ดังกล่าวนั้น รายงานข่าวแจ้งว่า เป็นบริษัทแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ทำธุรกิจเกี่ยวกับการให้เช่า การขาย การซื้อและการดำเนินงานด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งโครงการหมู่บ้านจัดสรรหลายแห่งในเชียงใหม่ ทำสัญญาเช่าที่ดินวัดร้างแปลงดังกล่าว เนื้อที่ 754 ตารางวา จากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 7 มี.ค.61 มีการระบุในสัญญาว่าเพื่อ “ตั้งโรงเรียนการโรงแรมและการท่องเที่ยว” ระยะเวลาการเช่า 1 ม.ค.61 ถึง 31 ธ.ค.61 อัตราค่าเช่าปีละ 63,048 บาท
ต่อมา เมื่อวันที่ 31 พ.ค.61 มีการยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคาร/ดัดแปลงอาคาร ต่อเทศบาลนครเชียงใหม่ ประกอบด้วย การดัดแปลงอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 3 ชั้น และ 2 ชั้น อย่างละ 1 หลัง ระบุว่า เพื่อใช้เป็นโรงเรียนการโรงแรม การดัดแปลงอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 1 ชั้น 3 หลัง ระบุว่า เพื่อใช้เป็นห้องนั่งเล่น ร้านกาแฟ และห้องน้ำ ตามลำดับ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ จากข้อมูลเกี่ยวกับเอกชนรายใหม่ ซึ่งน่ามีประสบการณ์โชกโชนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มาเช่าที่ดินวัดร้างแห่งนี้ โดยระบุว่า จะทำเป็นโรงเรียนการโรงแรมและการท่องเที่ยว ทั้งที่ไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับธุรกิจการศึกษามาก่อน และน่าจะยังไม่มีหลักสูตรการเรียนการสอนด้วย เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นความตั้งใจที่จะกระโจนเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ หรืออาจจะเป็นการเลี่ยงบาลีซ่อนเร้นวัตถุประสงค์แอบแฝงอย่างที่ชาวชุมชนห่วงใยก็เป็นไปได้เหมือนกัน