คุม “พนม ศรศิลป์” อดีต ผอ.พศ. และพวก เข้าเรือนจำ หลังศาลไม่อนุญาตประกันตัว คดีเงินทอนวัด ชี้คดีมีอัตราโทษสูง หวั่นหลบหนี กองปราบฯเผยจ่อออกหมายจับพระอีก 1-2 รูป แต่ขออุบชื่อไว้ก่อน ส่วนคดี 6 อดีตพระเถระผู้ใหญ่ เตรียมส่งสำนวนให้อัยการสัปดาห์หน้า
วานนี้ (2ส.ค.) พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้ควบคุมตัว 1 . นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. 2. นายแก้ว ชิดตะขบ อดีตนักวิชาการศาสนา กองพุทธศาสนศึกษา 3. นายณรงค์เดช ชัยเนตร ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) สิงห์บุรี 4. นายวสวัสดิ์ กิตติธีระสิทธิ์ ผอ.ส่วนบูรณะพัฒนาวัดและการศาสนสงเคราะห์ พศ. 5. นายบุญเลิศ โสภา อดีต ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา เป็นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ลำปาง 6. นายชยพล พงษ์สีดา อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ 7. นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี นักวิชาการศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนา (พศจ.) นครปฐม 8. นางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร ผอ.กลุ่มการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ พศ. ผู้ต้องหา คดีร่วมกันทุจริตฟอกเงินทอนวัด มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 2-13 ส.ค.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติม และรอผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ จากกองทะเบียนประวัติอาชญากร โดยพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการให้ประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหามีหมายจับหลายคดี และมีพฤติการณ์ที่อาจหลบหนี
ต่อมา เวลา 17.15 น. ศาลออกนั่งบัลลังฆ์อ่านคำสั่งการประกันตัวให้ผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย โดยพิเคราะห์ข้อเท็จจริงตามคำร้องฝากขังเเล้วเห็นว่า กลุ่มผู้ต้องหาร่วมกับวัดสมคบกันวางเเผนโดยอาศัยฐานะความเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักพุทธศาสนาฯอนุมัติงบประมาณสนับสนุนการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม เเผนกสามัญให้กับวัดที่ไม่มีโรงเรียนพระปริยัติธรรมเเผนกสามัญศึกษาสังกัด หรือตั้งอยู่ เเล้วกลุ่มผู้ต้องหาก็ให้วัดคืนเงินงบประมาณบางส่วนให้กับกลุ่มผู้ต้องหาอันเป็นการเบียดบังงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ จึงเป็นต้นตอทำให้เกิดความเสียหายเเก่พุทธศาสนา นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ต้องหาบางคนร่วมกระทำผิด ในลักษณะนี้อีกหลายคดีพฤติการณ์เเห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายเเรง อีกทั้งคดีมีอัตราโทษสูงเเละพนักงานสอบสวนก็คัดค้านการปล่อยชั่วคราวเชื่อว่า หากให้ปล่อยชั่วคราวเเล้วผู้ต้องหาอาจหลบหนีดังนั้นจึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯเเละทัณฑ์สถานหญิงกลาง
ด้าน พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. เปิดเผยว่า นอกจากข้าราชการที่กระทำความผิดชัดเจน จนนำมาสู่การออกหมายจับแล้ว ในล็อตนี้พนักงานสอบสวนยังเตรียมออกหมายจับพระสงฆ์ ที่ร่วมสนับสนุนการกระทำความผิดเพิ่มเติมอีก 1-2 รูป แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน ส่วนการสืบสวนสอบสวนคดีทุจริตเงินทอนวัดล็อตที่ 3 นี้ ล่าสุดในส่วนของวัดหลักนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบปากคำครบถ้วนแล้ว คาดว่าจะเสร็จสิ้นในเร็ววันนี้ ขณะที่การทุจริตเงินทอนวัดในล็อตที่ 4 ผู้บังคับการปราบปราม ระบุว่า ยังไม่ได้รับการร้องทุกข์จาก พศ.ให้ดำเนินการเอาผิดต่อผู้ที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด
พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับอดีตพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 6 ราย ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเงินทอนวัดว่า คดีดังกล่าวจะครบกำหนดฝากขังผู้ต้องหาผัดสุดท้าย ครั้งที่ 7 ในช่วงกลางเดือนส.ค.นี้ ในส่วนของสำนวนการสอบสวนคดีนี้ ทางคณะพนักงานสอบสวนได้มีการประชุมหารือเพื่อสรุปสำนวน และมีความเห็นไว้เรียบร้อยแล้ว โดยจะทยอยส่งสำนวนคดีให้อัยการคดีทุจริตฯ มีความเห็นทันก่อนครบกำหนดฝากขังผัดสุดท้าย ซึ่งสำนวนคดีดังกล่าว จะส่งให้อัยการนับตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป
สำหรับอดีตพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 6 ราย ที่จับกุมได้ในคดีเงินทอนวัด ประกอบด้วย อดีตพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา, อดีตพระอรรถกิจโสภณ เลขาฯ เจ้าคณะกรุงเทพ วัดสามพระยา , อดีตพระศรีคุณาภรณ์ , อดีตพระครูสิริวิหารการสมจิตร จันทร์ศรี , อดีตพระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ และ พระเมธีสุทธิกร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ หลังจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ไม่ให้ประกันตัว และส่งทั้ง 6 ราย ไปทำพิธีลาสิขา ก่อนส่งไปควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนอดีตพระพรหมเมธี (จำนงค์ เอี่ยมอินทรา) อดีต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ได้หลบหนี และได้ทำเรื่องขอลี้ภัยอยู่ที่ประเทศเยอรมนี.
วานนี้ (2ส.ค.) พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้ควบคุมตัว 1 . นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. 2. นายแก้ว ชิดตะขบ อดีตนักวิชาการศาสนา กองพุทธศาสนศึกษา 3. นายณรงค์เดช ชัยเนตร ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) สิงห์บุรี 4. นายวสวัสดิ์ กิตติธีระสิทธิ์ ผอ.ส่วนบูรณะพัฒนาวัดและการศาสนสงเคราะห์ พศ. 5. นายบุญเลิศ โสภา อดีต ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา เป็นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ลำปาง 6. นายชยพล พงษ์สีดา อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ 7. นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี นักวิชาการศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนา (พศจ.) นครปฐม 8. นางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร ผอ.กลุ่มการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ พศ. ผู้ต้องหา คดีร่วมกันทุจริตฟอกเงินทอนวัด มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 2-13 ส.ค.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติม และรอผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ จากกองทะเบียนประวัติอาชญากร โดยพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการให้ประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหามีหมายจับหลายคดี และมีพฤติการณ์ที่อาจหลบหนี
ต่อมา เวลา 17.15 น. ศาลออกนั่งบัลลังฆ์อ่านคำสั่งการประกันตัวให้ผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย โดยพิเคราะห์ข้อเท็จจริงตามคำร้องฝากขังเเล้วเห็นว่า กลุ่มผู้ต้องหาร่วมกับวัดสมคบกันวางเเผนโดยอาศัยฐานะความเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักพุทธศาสนาฯอนุมัติงบประมาณสนับสนุนการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม เเผนกสามัญให้กับวัดที่ไม่มีโรงเรียนพระปริยัติธรรมเเผนกสามัญศึกษาสังกัด หรือตั้งอยู่ เเล้วกลุ่มผู้ต้องหาก็ให้วัดคืนเงินงบประมาณบางส่วนให้กับกลุ่มผู้ต้องหาอันเป็นการเบียดบังงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ จึงเป็นต้นตอทำให้เกิดความเสียหายเเก่พุทธศาสนา นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ต้องหาบางคนร่วมกระทำผิด ในลักษณะนี้อีกหลายคดีพฤติการณ์เเห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายเเรง อีกทั้งคดีมีอัตราโทษสูงเเละพนักงานสอบสวนก็คัดค้านการปล่อยชั่วคราวเชื่อว่า หากให้ปล่อยชั่วคราวเเล้วผู้ต้องหาอาจหลบหนีดังนั้นจึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯเเละทัณฑ์สถานหญิงกลาง
ด้าน พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. เปิดเผยว่า นอกจากข้าราชการที่กระทำความผิดชัดเจน จนนำมาสู่การออกหมายจับแล้ว ในล็อตนี้พนักงานสอบสวนยังเตรียมออกหมายจับพระสงฆ์ ที่ร่วมสนับสนุนการกระทำความผิดเพิ่มเติมอีก 1-2 รูป แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน ส่วนการสืบสวนสอบสวนคดีทุจริตเงินทอนวัดล็อตที่ 3 นี้ ล่าสุดในส่วนของวัดหลักนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบปากคำครบถ้วนแล้ว คาดว่าจะเสร็จสิ้นในเร็ววันนี้ ขณะที่การทุจริตเงินทอนวัดในล็อตที่ 4 ผู้บังคับการปราบปราม ระบุว่า ยังไม่ได้รับการร้องทุกข์จาก พศ.ให้ดำเนินการเอาผิดต่อผู้ที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด
พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับอดีตพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 6 ราย ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเงินทอนวัดว่า คดีดังกล่าวจะครบกำหนดฝากขังผู้ต้องหาผัดสุดท้าย ครั้งที่ 7 ในช่วงกลางเดือนส.ค.นี้ ในส่วนของสำนวนการสอบสวนคดีนี้ ทางคณะพนักงานสอบสวนได้มีการประชุมหารือเพื่อสรุปสำนวน และมีความเห็นไว้เรียบร้อยแล้ว โดยจะทยอยส่งสำนวนคดีให้อัยการคดีทุจริตฯ มีความเห็นทันก่อนครบกำหนดฝากขังผัดสุดท้าย ซึ่งสำนวนคดีดังกล่าว จะส่งให้อัยการนับตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป
สำหรับอดีตพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 6 ราย ที่จับกุมได้ในคดีเงินทอนวัด ประกอบด้วย อดีตพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา, อดีตพระอรรถกิจโสภณ เลขาฯ เจ้าคณะกรุงเทพ วัดสามพระยา , อดีตพระศรีคุณาภรณ์ , อดีตพระครูสิริวิหารการสมจิตร จันทร์ศรี , อดีตพระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ และ พระเมธีสุทธิกร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ หลังจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ไม่ให้ประกันตัว และส่งทั้ง 6 ราย ไปทำพิธีลาสิขา ก่อนส่งไปควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนอดีตพระพรหมเมธี (จำนงค์ เอี่ยมอินทรา) อดีต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ได้หลบหนี และได้ทำเรื่องขอลี้ภัยอยู่ที่ประเทศเยอรมนี.