ผู้ตรวจ ก.ศึกษาธิการ สั่งเร่งสอบข้อเท็จจริงกรณีครูชายขอมีเซ็กซ์กับนักเรียน

กาฬสินธุ์ - ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดกาฬสินธุ์ สั่งเร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีครูสาวโพสต์เฟชบุ๊ก อ้างครูชายขอมีเซ็กซ์กับนักเรียนหญิง เล็งล้างท่อข้อร้องเรียนครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งหมด

จากกรณีนางเยาวเรศ สีพรมติ่ง ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.กาฬสินธุ์ ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม หลังจากมีนักเรียนหญิงส่งข้อมูลบอกว่า ถูกครูชายภายในโรงเรียนขอมีเซ็กส์ด้วย ซึ่งหลังจากครูได้รับเรื่องราว ได้โพสต์ข้อความในเฟชบุ๊กส่วนตัวว่า “ฟังแล้วแทบไม่น่าเชื่อเลย เมื่อนักเรียนส่งข้อมูลมาให้ “ครูขอมีอะไรกับหนูค่ะ... อยากวันไหนให้โทร.มานัด แถมขู่นักเรียนห้ามนำมาแจ้งครู” เพื่อเตือนลูกศิษย์ในโรงเรียนและผู้ปกครองให้ระวังพฤติกรรมครูที่คุกคามทางเพศ แต่กลับถูกตั้งกรรมการสอบวินัยไม่ร้ายแรง โดยหลังจากมีกระแสข่าวออกไปทางศึกษาธิการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้แจ้งให้ สพม.24 ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดใหม่ และได้มีนักเรียนออกมายืนยันกับสื่อว่าคุณครูผู้ชายมีพฤติการณ์ดังกล่าวจริง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ (15 มี.ค. 61) นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค 12 กล่าวว่า กรณีครูสาวโพสต์เฟชบุ๊กอ้างครูชายขอมีเซ็กซ์กับนักเรียนหญิงของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการศึกษาธิการ จ.กาฬสินธุ์ มีนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาธิการ จ.กาฬสินธุ์ เป็นห่วงเรื่องดังกล่าว จึงสั่งการให้หน่วยงานต้นสังกัด คือ สพม.24 เร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุด

เมื่อตั้งคณะกรรมการสอบสวนครูผู้หญิงที่เอาข้อความไปลงเฟซบุ๊กแล้ว ข้อกล่าวหาขอมีเพศสัมพันธ์กับนักเรียนจะต้องหาข้อเท็จจริงและข้อยุติ หากพบว่ามีใครเกี่ยวข้องก็ให้ดำเนินการตามมาตรการ แต่หากระหว่างการสืบสวนมีการเข้ามายุ่งเหยิงกับพยาน หรือเป็นอุปสรรคการสืบสวน ให้สั่งไปช่วยราชการที่อื่นไว้ก่อนชั่วคราวได้ ทั้งนี้หากสืบข้อเท็จจริงแล้วพบว่ามีมูลความผิดวินัยร้ายแรง จะต้องสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามนโยบายของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด และจะติดตามคดีจนกว่าจะได้ผลสรุปสอบข้อเท็จจริง

นายอรรถพลกล่าวอีกว่า การติดตามเร่งรัดคดีต่างๆ นั้นไม่เพียงแต่กรณีครูสาวโพสต์เฟชบุ๊กอ้างครูชายขอมีเซ็กซ์กับนักเรียนหญิงเท่านั้น แต่ต่อไปจะติดตามคดีทั้งหมด โดยการประชุมคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดครั้งต่อไป ตนได้สั่งการให้เขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งรายงานผลคดีค้างท่อหรือคดีค้างเก่าทั้งหมด ว่ามีคดีอยู่ระหว่างการสอบสวนอยู่กี่เรื่อง มีใครเป็นผู้ถูกกล่าวหา และเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ และต่อไปนี้จะควบคุมและเร่งรัดคดีให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว

“ทุกวันนี้ที่มีปัญหาคือการทำงานล่าช้า และอีกส่วนหนึ่งขาดบุคลากร ขาดแคลนนิติกร โดยต่อไปจะต้องรายงานความคืบหน้าคดีต่างๆ ทุกเดือน เนื่องจากที่ผ่านมาอาจจะเกิดการล่าช้า แต่ต่อไปนี้จะต้องติดตามอย่างเข้มข้น สำหรับการดำเนินงานของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดนั้นเป็นกลไกลที่เข้ามาช่วยบังคับใช้กฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์มากกว่าเดิมเท่าเทียมกัน”

ด้านนายชัยวัฒน์ ตั้งพงษ์ ผอ.สพม.24 กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทั้ง 2 ชุด ที่ สพม.24 ตั้งขึ้น ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคืบหน้าไปมากแล้ว โดยคณะกรรมการชุดแรกตรวจสอบกรณีครูผู้หญิงที่โพตส์ข้อความผ่านทางเฟชบุ๊ก เนื่องจากมีข้อความกล่าวพาดพิงกล่าวหาการบริหารงานของโรงเรียนหลายเรื่อง อยู่ระหว่างการตรวจสอบวินัยไม่ร้ายแรง และยังไม่สรุปผลสอบ

ส่วนคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดที่ 2 ได้ตรวจสอบกรณีกล่าวหาครูชายในโรงเรียนขอมีเพศสัมพันธ์กับเด็กนักเรียน ประเด็นกล่าวหาโรงเรียนเก็บเงินจากผู้ปกครองและนักเรียน ประเด็นครูสาวร้องเรียนไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการได้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องใกล้ครบแล้ว ยังเหลือเพียงเด็กนักเรียนหญิงเท่านั้น ขณะนี้อยู่ช่วงปิดเทอม อาจจะลงพื้นที่ไปสอบที่บ้าน โดยต้องมีบุคคลที่เด็กไว้วางใจร่วมด้วย ยืนยันว่าการตรวจสอบของคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และพยายามเร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริงและสรุปผลโดยเร็วที่สุด

ด้านนางเยาวเรศ สีพรมติ่ง ครูหญิงที่ร้องเรียน เปิดเผยเพิ่มว่า หลังจากมีโพสต์ข้อความเตือนไปนั้น ต่อมามีนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปี 4 ได้เขียนจดหมายมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของครูชายคนนี้อีกว่า “มาเป็นกิ๊กครูมั้ย จะให้เดือนละสองสามหมื่น...หนูเลยว่าไม่เป็นค่ะ...แล้วครูก็ถามว่าอยู่ห้องไหนหนูชื่ออะไร...ครูถามว่าเป็นแฟนกับครูมั้ย...หนูก็บอกว่าครูกับนักเรียนรักกันไม่ได้...ครูบอกว่าแล้วหมอกับคนไข้ทำไมรักกันได้...แล้วหนูก็เดินออกมา และเรียกนักเรียนว่าที่รัก...บอกให้หนูเป็นเมียน้อยอาจารย์มั้ย...หนูเลยยิ้มๆ แล้วอาจารย์เลยบอกว่าเดี๋ยวอาจารย์ไม่รักเลยนิ” ขณะนี้ตนมั่นใจว่าข้อมูลหลักฐานจากเด็กนักเรียนและเชื่อว่าเด็กพูดความจริง เพราะพูดในลักษณะเดียวกัน ตนพร้อมจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องในสิ่งที่ทำและเด็กนักเรียนทุกคน