กาฬสินธุ์ - คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดกาฬสินธุ์มีมติไล่ออกจากราชการครูประจำชั้นสอนดนตรีถูกผู้ปกครองแจ้งความข่มขืนลูกศิษย์นักเรียนหญิงชั้น ป.5 ในห้องเรียน หลังคณะกรรมการสอบวินัยสรุปผลสอบผิดจริง ขณะที่ความคืบหน้าของคดีเจ้าตัวถูกแจ้ง 5 ข้อหาหนัก
จากกรณีผู้ปกครอง ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 11 ขวบ เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ว่า ลูกสาวนักเรียนชั้น ป.5 ถูกนายชยกร หรือ ครูณัฐ วงศ์คำหาร อายุ 46 ปี ครูประจำชั้นและสอนวิชาดนตรีโรงเรียนบ้านชัยศรี ต.คำใหญ่ อ.ห้วยเม็ก ข่มขืนในห้องเรียน และลากตัวเข้าไปหลบในป่ามันสำปะหลังเนื่องจากกลัวคนเห็น พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่ห้ามนำเรื่องไปบอกใคร โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา ต่อมานายชยกรได้เข้ามอบตัวต่อตำรวจ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาพรากผู้เยาว์และข่มขืนกระทำชำเราลูกศิษย์ แต่เจ้าตัวให้การปฏิเสธ กระทั่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 (สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2) ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงซึ่งพบว่ามีมูลความผิด จึงส่งเรื่องให้ศึกษาธิการจังหวัดตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดที่ห้องประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค 12 เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศึกษาธิการ จ.กาฬสินธุ์ โดยในการประชุมมีวาระสำคัญในเรื่องการพิจารณาผลการสอบวินัยร้ายแรงนายชยกร หรือครูณัฐ วงศ์คำหาร อายุ 46 ปี ครูประจำชั้นและสอนวิชาดนตรีโรงเรียนดังกล่าว
หลังคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงของศึกษาธิการจังหวัดตรวจสอบแล้วพบมีความผิดจริง ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดวินัยร้ายแรง และเสนอให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดไล่ออกจากราชการ
นายอรรถพล ตรึกตรอง ศึกษาธิการภาค 12 กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการศึกษาธิการ จ.กาฬสินธุ์ ได้มีการพิจารณาจากพยานและหลักฐานแล้วเป็นการกระทำที่ผิดจริงและเป็นการผิดวินัยร้ายแรง เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่ละเมิดทางเพศผู้เรียน ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนชั้น ป.5 อายุ 11 ขวบ ทางคณะกรรมการจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ไล่ออกจากราชการ พร้อมส่งเรื่องให้ต้นสังกัด คือ สพป.กาฬสินธุ์เขต 2 เร่งดำเนินการทันที
นายอรรถพลกล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการป้องปรามการกระทำความผิดทางวินัยของราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งเร่งรัดการดำเนินการทางวินัยให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว คณะกรรมการศึกษาธิการ จ.กาฬสินธุ์ได้กำหนดนโยบายเป็นหลักเกณฑ์ปฏิบัติ ซึ่งถือเป็นกฎเหล็กเกี่ยวกับเรื่องการกระทำผิดวินัยร้ายแรงของข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาที่ถูกร้องเรียน และคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตรวจสอบแล้วพบมีมูลความผิด และถูกตั้งคณะกรรมการสอบวินัยอย่างร้ายแรงใน 3 กรณี 1. กรณีล่วงละเมิดทางเพศผู้เรียน 2. ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และ 3. กรณีเสพหรือจำหน่ายยาเสพติด ให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 คือศึกษาธิการจังหวัด สั่งให้ออกราชการไว้ก่อนทุกราย
ขณะที่ความคืบหน้าของคดี พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังจากผู้ปกครองเข้าแจ้งความว่าบุตรสาว ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนชั้น ป.5 ถูกครูประจำชั้นและสอนดนตรี ข่มขืนในห้องเรียน และลักพาตัวแล้วใช้อาวุธปืนข่มขู่ ซึ่งพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้รวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
รวมทั้งตัวนายชยกร ผู้ถูกกล่าวหา และล่าสุดได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.ธนาวัชร ดีบุญมี ผกก.สภ.ห้วยเม็ก ว่าทางพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังสำนักงานอัยการ จ.กาฬสินธุ์แล้วตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2560 โดยแจ้ง 5 ข้อกล่าวหา ประกอบด้วย 1. พรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร 2. พาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่ยังเกิน 13 ปี ซึ่งเป็นศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล 3. ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการ ไม่กระทำการหรือจำยอมต่อสิ่งใด
โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตโดยมีอาวุธ 4. หน่วงเหนี่ยวกักขังหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย 5. มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร
ผู้ต้องหารับสารภาพเพียงข้อกล่าวหาอนาจาร แต่ปฏิเสธข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา และพกพาอาวุธปืน ซึ่งล่าสุดทราบว่าศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 8-9 พฤษภาคม 2561 และนัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 10-11 พฤษภาคม 2561 นี้