บุรีรัมย์ - ศธจ.บุรีรัมย์สั่งพักราชการครูเฒ่าหื่นข่มขืนนักเรียน ม.3 นานร่วม 2 ปีแล้วเพื่อไม่ให้กระทบต่อการสอบวินัยร้ายแรง แต่ครูถูกกล่าวหาสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ใน 30 วัน ชี้หากพบผิดจริงเจอโทษสถานหนักถึงขั้นไล่ออก ส่วนคดีตำรวจยังรอผลตรวจจากแพทย์ คาดสรุปสำนวนคดีส่งฟ้องอัยการ มี.ค.นี้
วันนี้ (14 มี.ค.) จากกรณีที่ผู้ปกครองของ น้องเอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งใน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีลักษณะเป็นทอมบอย ได้เข้าร้องขอความช่วยเหลือต่อสำนักงานยุติธรรมจังหวัดบุรีรัมย์, ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และศึกษาธิการจังหวัด ว่าน้องเอได้ถูกข้าราชการครูโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งใน ต.หนองกง อ.นางรอง บังคับล่วงละเมิดทางเพศมานานร่วม 2 ปี โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจวางแผนบุกเข้าชาร์จจับกุมครูคนดังกล่าวขณะบังคับเหยื่อไปล่วงละเมิดทางเพศได้คารีสอร์ตเมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุด นายสุชิต ชมภูวงศ์ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 เปิดเผยความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า ล่าสุดทางศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์ได้มีคำสั่งพักราชการครูคนดังกล่าวแล้วเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการสอบวินัยร้ายแรงที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ครูที่ถูกร้องเรียนกล่าวหาสามารถยื่นคำร้องทุกข์กรณีที่มีคำสั่งพักราชการได้ภายใน 30 วัน แต่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศึกษาธิการฯ ว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงตามคำร้องทุกข์หรือไม่อย่างไร
ส่วนการตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จและทราบผลในเร็วๆ นี้ ซึ่งหากผลการสอบวินัยร้ายแรงพบข้อมูลหลักฐานชัดเจนว่ามีการกระทำผิดจริงตามที่ผู้ปกครองร้องเรียนจะต้องถูกลงโทษสถานหนักถึงขั้นไล่ออก หรือปลดออกเพราะถือเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง แต่กระบวนการสอบสวนและการตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ส่วนเรื่องการจัดการเรียนของครูคนดังกล่าว ซึ่งทำหน้าที่เป็นครูสอนในระดับชั้น ป.2 นั้น ได้ประสานกับทางผู้บริหารโรงเรียนให้หาแนวทางแก้ไขปัญหาโดยการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอนอย่างแน่นอน
สำหรับความคืบหน้าเรื่องคดี ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนยังรอผลตรวจร่างกายของเด็กผู้เสียหายจากแพทย์เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี ซึ่งหากผลตรวจยืนยันว่ามีร่องรอยการข่มขืนกระทำชำเราเด็กจริง ก็จะแจ้งข้อหา “กระทำชำเรา” ครูคนดังกล่าวเพิ่มอีก 1 ข้อหา จากที่ก่อนหน้านี้ได้แจ้งไปแล้ว 2 ข้อหา คือ “พรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง, พาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อการอนาจารแม้เด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” และคาดว่าจะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนเสนออัยการได้ภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้
