ศูนย์ข่าวศรีราชา - เชื่อผลดำเนินงาน ทลฉ.เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 2559 จะเติบโตกว่าปีก่อน หลังตัวเลขสรุปผลการดำเนินงานในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา พบว่ามีอัตราการเติบโตในทุกด้าน โดยเฉพาะภาพรวมจำนวนตู้สินค้า และรถยนต์ขนถ่ายผ่านท่า
วันนี้ (28 ก.ย.) นายชุนณ์ลพัทธ์ ศรีภาเพลิน ผู้ช่วยผู้อานวยการ กองบริหารงานทั่วไป ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เผยถึงการดำเนินงานในช่วง 11 เดือนของปีงบประมาณ 2559 ว่า มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องจำนวนตู้สินค้า รถยนต์ที่ขนถ่ายผ่านท่าฯ ผู้โดยสาร ปริมาณสินค้า และแม้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศจะอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว แต่การดำเนินงานของท่าเรือแหลมฉบัง กลับมีทิศทางที่สดใสจากความเชื่อมั่นของสายการเดินเรือ และผู้ประกอบการส่งสินค้าทั่วโลกที่ยังไว้วางใจในการใช้บริการขนถ่ายสินค้าผ่านท่าเรือแหลมฉบัง
โดยในช่วง 11 เดือนของปีงบประมาณ 2559 (ตุลาคม 2558- สิงหาคม 2559) พบว่า ท่าเรือแหลมฉบังมีจำนวนเรือเทียบท่า เช่น เรือตู้สินค้าระหว่างประเทศ เรือตู้สินค้าชายฝั่ง เรือสินค้าทั่วไป เรือ Ro-Ro เรือโดยสาร รวม 11,498 เที่ยว และยังมีปริมาณขนถ่ายสินค้ารวม 4.037 ล้านเมตริกตัน จำนวนตู้สินค้ารวม 6.452 ล้านทีอียู จำนวนผู้โดยสารทั้งขาเข้าและออก รวม 2.24 แสนคน ขณะที่รถยนต์ที่ขนถ่ายผ่านท่าทั้งขาเข้า และออก รวม 1.15 ล้านคัน
นายชุนณ์ลพัทธ์ ยังเผยอีกว่า จากสถิติการดำเนินงานในส่วนต่างๆ ที่เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้เชื่อได้ว่า เฉพาะจำนวนตู้สินค้าเมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 2559 ในวันที่ 30 กันยายนนี้ ท่าเรือแหลมฉบัง จะมีจำนวนตู้สินค้ามากกว่า 6.7 ล้านทีอียู ซึ่งถือเป็นจำนวนตู้สินค้าที่ทำได้ในปี 2558 อย่างแน่นอน เช่นเดียวกับจำนวนรถยนต์ที่ขนถ่ายผ่านท่าที่คาดว่าจะมีมากกว่า 1.2 ล้านคัน ซึ่งเป็นจำนวนรถยนต์ที่ขนถ่ายผ่านท่าในปีงบประมาณ 2558 ที่ผ่านมา
“สิ่งที่ท่าเทียบเรือทั่วโลกใช้วัดกันในเรื่องของศักยภาพการให้บริการ ก็คือ ปริมาณ และระยะเวลาที่เรือสินค้าจะใช้ในการเทียบท่า การยกตู้สินค้าจากรถ-เรือ หรือเรือ-รถ ว่า มีความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วท่าเรือแหลมฉบังสามารถยกตู้สินค้าจากเรือ-รถ หรือจากรถ-เรือ ได้เฉลี่ย 33 ยกต่อชั่วโมง ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานสากลที่ท่าเรือระดับโลกทำได้ ขณะที่ในส่วนจำนวนตู้สินค้าที่ขนถ่ายผ่านท่าในแต่ละปีจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการยกระดับความเป็นมาตรฐานเท่านั้น แต่ในแง่ของงานบริการ คือ ปัจจัยสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการทั่วโลก” นายชุนณ์ลพัทธ์ กล่าว