กาญจนบุรี - รอง ปธ.วัดป่าหลวงตาบัวฯ เข้าพบพนักงานสอบสวนให้ปากปากคำกรณีเสือหาย 3 ตัว เมื่อปี 58 พร้อมประกาศลาออกจากตำแน่ง รอง ปธ.มูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัว ด้าน ผบก.กาญจน์ เผยคดีหมีควายปี 58 อยู่ในชั้นอัยการ ส่วนคดีเสือหาย และขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่เมื่อปี 58 อยู่ระหว่างสอบสวน ส่วนสำนักพุทธฯ ส่งหนังสือถึง ส.ป.ก. ขอใช้ที่ดินกว่า 300 ไร่ เป็นวัดตามเดิม
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พ.ต.อ.ศุภิฏพงศ์ ภักดิ์จรุง รองประธานมูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปัญโน กรรมการบริษัท ไทเกอร์ เทมเพิล จำกัด เข้าพบ พ.ต.อ.สมศักดิ์ สุวรรณฉิม ผกก. (สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน) ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.พิพัฒน์ รุ่งสัมพันธ์ ผกก. (สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน) ภ.จว.กาญจนบุรี เพื่อให้ปากคำกรณีนายสัตวแพทย์สมชัย วิเศษชัยมงคล อดีตนายสัตวแพทย์ผู้ดูแลเสือโคร่งของกลางที่กรมอุทยานฯ ฝากให้วัดป่าหลวงตาบัวฯ เลี้ยงดู ออกมาเปิดโปงว่า มีการขโมยเสือโคร่งออกไปจากวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ระหว่างวันที่ 20 ธ.ค. และวันที่ 25 ธ.ค.57 จำนวน 3 ตัว ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำ
พล.ต.ต.สุรนิตย์ พรหมบุตร ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า กรณีวัดป่าหลวงตามหาบัวฯ มีทั้งหมด 11 คดี แยกเป็นคดีเมื่อปี 58 จำนวน 3 คดี คือ คดีหมีควาย คดีขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ และคดีเสือหาย จำนวน 3 ตัว สำหรับความคืบหน้าของคดีจนถึงขณะนี้มีความคืบหน้า จำนวน 1 คดี คือ คดีของหมี ขณะนี้คดีดังกล่าวอยู่ในชั้นอัยการ โดยมี พระวิสุทธิสารเถร หรือหลวงตาจันทร์เป็นผู้ถูกกล่าวหา
และมาในปีนี้ ปี 59 มีคดีอีก จำนวน 8 คดี อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานด้านเอกสาร พยานบุคคล และพยานด้านวัตถุ อีกทั้งจะต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอ แสะสอบปากคำเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเนื่องจากคดีดังกล่าวเกี่ยวกับสัตว์ป่า และซากสัตว์ป่า
โดย 1 ใน 8 คดีเจ้าหน้าที่ได้นำเดินคดีต่อฆราวาส 2 คน และพระภิกษุ 1 รูป ซึ่งคดีนี้พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว แต่ก็ได้รับการประกันตัวออกไป แต่ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า มีผู้ต้องหาเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น ซึ่งขณะนี้กำลังทำการสืบสวนสอบสวนว่าจะมีผู้ใดร่วมอยู่หรือไม่ หากพบก็จะดำเนินการแจ้งข้อหาต่อไป ซึ่งขณะนี้พบว่า มีผู้เกี่ยวข้องหลายคน และมีคดีอยู่หลายคดี และเป็นคดีที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 58 รวมทั้งเป็นคดีประเภทเหตุการณ์หลายเรื่องประกอบกันคาดว่าจะเป็นหนังยาว
สำหรับกรณีการบุกรุกที่ดิน ส.ป.ก.นั้น ทางจังหวัดก็ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว เราก็จะทำการสอบสวนรวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป ซึ่ง พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.ก็ได้สั่งกำชับให้ดำเนินคดีตามกฎหมายในทุกข้อหาที่เกี่ยวข้อง โดยตั้งเป็นคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนขึ้นมาในรูปของคณะกรรมการใรระดับภาค และระดับจังหวัดร่วมกัน โดยระดับภาคมี พล.ต.ต.สมเกียรติ แสงสินศร รอง ผบช.ภ.7 เป็นหัวหน้าทีม ส่วนระดับจังหวัด มีตนเป็นหัวหน้าทีม นอกจากนี้ ยังมีรองผู้การ รวมทั้งระดับผู้กำกับ และมีคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนขยายผลเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย
สำหรับคดีเสือหาย คดีหมี และคดีขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 58 เจ้าหน้าที่ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้วก่อนหน้านี้ รวมทั้งคดีเมื่อปี 59 รวมมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทั้งหมด 2 ชุด โดยคดีเมื่อปี 58 ถือว่าไม่ได้ล่าช้า เนื่องจากเราต้องรวบรวมพยานหลักฐาน และบางครั้งเราไม่สามารถเชื่อมโยงได้เราจึงค่อยๆ ดำเนินการไป
สำหรับคดีเมื่อปี 58 กรณีการหายไปของเสือ จำนวน 3 ตัว ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ประสานไปยังอดีตนายสัตวแพทย์ ผู้ที่ให้ข้อมูลมาสอบปากคำ แต่ก็ยังไม่ได้มีการนัดหมายว่าจะให้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนเมือไหร่ ซึ่งตนได้มอบให้ พ.ต.อ.บัณฑิต ม่วงสุขำ ผกก.สภ.ไทรโยค เป็นผู้ดำเนินการประสาน หากมีการนัดหมายกันเมื่อไหร่ก็คงจะรายงานให้ตนทราบ สำหรับคดีเมื่อปี 58 และ 59 รวม 11 คดี เจ้าหน้าที่จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งสำนวนให้อัยการให้เร็วที่สุด แต่ก็ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ ซึ่งตรงนี้ก็ยังไม่สามารถฟันธงได้
ด้าน พ.ต.อ.ศุภิฏพงศ์ ภักดิ์จรุง เปิดเผยก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน ว่า หลังจากที่ตนเข้ามาอยู่ที่วัด ก็ได้มีแนวคิดตั้งมูลนิธิฯ และบริษัทขึ้นมาเพื่อแยกเสือออกจากวัด โดยให้วัดดำเนินการเรื่องทางกิจของสงฆ์ มูลนิธิก็ให้ดำเนินการเรื่องของการสงเคราะห์ ส่วนบริษัทก็ให้ดำเนินการเรื่องของธุรกิจ เพราะหากดำเนินการแล้วเสร็จคำครหาที่ว่าการที่วัดเลี้ยงเสือไม่ใช่กิจของสงฆ์ก็จะได้หมดไป แต่ได้เพียงแค่เกือบสอบผ่านเท่านั้น
สำหรับการเดินทางมาที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีในครั้งนี้ เพื่อมาให้ปากคำในฐานะพยาน แต่ตนก็ยังไม่ทราบว่าจะต้องให้ปากคำในคดีอะไรบ้าง เพราะขณะนี้ยังไม่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน ทราบเพียงว่า ให้มาเป็นพยานในฐานะเป็นผู้บริหารของมูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัวฯ และเท่าที่ทราบจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีต่อวัดป่า และมูลนิธิฯ แต่อย่างใด ทราบเพียงว่า เจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีต่อฆราวาส 2 คน และพระ จำนวน 1 รูปเท่านั้น
สำหรับการค้นพบตะกรุดหนังสือ เขี้ยวเสือ รวมทั้งซากหนังเสือ ความคิดเห็นส่วนตัวแล้วเชื่อว่าไม่ใช่ของหลวงพ่อ ส่วนจะมาจากไหนนั้นตนก็ไม่ทราบเช่นกัน ไม่ใช่ว่าตนจะแก้ต่างให้หลวงพ่อ เพราะที่ผ่านมา มีศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อเดินทางมาที่วัดเป็นจำนวนมาก รวมทั้งลูกศิษย์ที่อยู่ต่างประเทศก็มี อย่างเช่น ล็อกเกตของหลวงตามหาบัว และของหลวงตาจันทร์ ก็มีลูกศิษย์จากจังหวัดเพชรบุรี นำมาถวายเพื่อให้หลวงพ่อนำไปแจกให้แก่ลูกศิษย์ที่มาวัด ดังนั้น จึงสามารถยืนยันได้ว่า ของที่พบทุกอย่างไม่ใช่ของหลวงพ่อ แต่เป็นของที่ลูกศิษย์นำมาถวาย ถึงแม้ตนจะไม่มีหลักฐานแต่ก็เชื่อได้ว่า ไม่ใช่ของท่านอย่างแน่นอน สำหรับตำแหน่งต่างๆ ที่ตนมีอยู่ภายในวัดก็คงจะขอลาออกจากตำแหน่งต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี นายวัชรินทร์ วากะมะนนท์ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีหนังสือถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะผู้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดิน ส.ป.ก.จำนวน 391 ไร่ 1 งาน 21 ตารางวา ตรวจสอบเกี่ยวกับการใช้พื้นที่บริเวณวัด ว่า เป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่
ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายประดับ โพธิกาญจนวัตรผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี ได้ส่งหนังสือกลับไปยัง ส.ป.ก.แล้วว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี ขอเรียนว่า หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการโยกย้ายเสือ และสัตว์ป่าคุ้มครองของกรมอุทยานฯ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี ได้ตรวจสอบพื้นที่ในวัดป่าหลวงตาบัวฯ พบว่า ภายในวัดมีสถานที่ทั้งเขตพุทธาวาส ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการประกาศเขตพระราชทานวิสุงคามสีมา เขตสังฆาวาส และมีพระภิกษุพำนักอยู่ จำนวน 15 รูป สามเณร 1 รูป ยังคงมีการปฏิบัติกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา และประสงค์จะดำเนินการในฐานะเป็นวัดในพระพุทธศาสนาสืบไป
ในการนี้ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามกฎหมาย จึงขอความอนุเคราะห์จากสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี โปรดพิจารณาให้การสนับสนุน พร้อมกับกำหนดเขตพื้นที่ให้ชัดเจนโดยด่วน เพื่อสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี จะได้ดำเนินการต่อไป