กาญจนบุรี - ตำรวจ ปทส. พร้อมด้วยสัตวแพทย์ กรมอุทยานฯ บุกตรวจดีเอ็นเอเสือโคร่ง 4 ตัว พร้อมฝังไมโครชิป ส่วนการตรวจตั๋วรูปพรรณพบแค่คล้าย ด้าน “เสี่ยตง” เจ้าของยันครอบครองเสือโคร่งถูกต้องตามกฎหมาย เตรียมปรึกษาทนายฟ้องเจ้าหน้าที่ ด้าน ส.ป.ก.กาญจน์ เตรียมเสนอหัวหน้าคณะ คสช.ประกาศใช้ ม.44 ยึดคืนที่ดินวัดป่าหลวงตาบัวฯ พร้อมเร่งสำรวจยึดคืนที่ดินจากกลุ่มนายทุนพร้อมกันทั่วประเทศ ตามนโยบาย รมว.เกษตรฯ คาดไม่ต่ำกว่า 500,000 ไร่ ขณะที่ 9 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.วัดเสือ เตรียมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยมีอดีตกรรมการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอนุกรรมการสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นผู้แถลง คาด “หลวงตาจันทร์” ร่วมด้วย
ความคืบหน้ากรณี พ.ต.อ.มนตรี แป้นเจริญ รอง ผบก.ปป. พ.ต.อ.บัญชา ปั้นเจริญ รอง ผบก. พ.ต.ท.สรรเสริญ ศิริพันธ์ สว.กก.5 บก.ปทส. นายสมศักดิ์ ภู่เพ็ชร์ ผอ.ส่วนยุทธการป้องกันและปราบปราม กรมอุทยานฯ นายกนก สันธิศิริ หัวหน้าสายตรวจป้องกันปราบปราม ด้านสัตว์ป่าส่วนกลาง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ตร.ปทส. เจ้าหน้าที่ทหารชุดประสานงานประจำพื้นที่ ร.9 พัน 1 นายฉกาด อาสาสนา ปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดกาญจนบุรี นำหมายค้นศาลจังหวัดกาญจนบุรีที่ มค.434 ลงวันที่ 6 มิ.ย.2559 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 222 หมู่ 2 ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ของนายธวัช ขจรชัยกุล หรือเสี่ยตง อายุ 68 ปี เจ้าของบ้าน จากการตรวจค้น นายธวัช ไม่อยู่ พบเพียง นายทวีป บัวลอย อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/1 หมู่ 3 ต.แม่กระบุง อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี และนายชาญชัย ล่องลอย อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 197/4 หมู่ 1 ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี คนดูแล และพบเสือโคร่ง จำนวน 4 ตัว
ล่าสุด เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (8 มิ.ย.) คณะเจ้าหน้าที่นำโดย พ.ต.ท.สรรเสริญ ศิริพันธ์ สว.กก.5 บก.ปทส.นายกนก สันธิศิริ หัวหน้าสายตรวจป้องกันปราบปราม ด้านสัตว์ป่าส่วนกลาง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พ.ต.อ.นิพนธ์ จันทร์ทอง ผกก.สภ.ลาดหญ้า พ.ท.วัชรภ บุรินทร์วัฒนา ผบ.ชป.พท.ร.9 พัน 1 ร.อ.คมสัน ณัฐานันดร หน.ชป.พท.ร.9 พัน 1 นายฉกาด อาสาสนา ปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองกาญจนบุรี พร้อมคณะสัตวแพทย์กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการตรวจตั๋วรูปพรรณเสือโคร่งทั้ง 4 ตัว ที่ผู้ดูแลเสือนำมาแสดงตั้งแต่วานนี้
นอกจากนี้ พ.ต.ท.สรรเสริญ ได้ประสานไปยัง นายธวัช ขจรชัยกุล หรือเสี่ยตง เจ้าของเพื่อให้เดินทางจาก กทม.มาพบเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับการได้มาของเสือทั้ง 4 ตัว และจะรอการยิงยาสลบเสือจนกว่า นายธวัช จะเดินทางมาถึง โดยระหว่างนี้ คณะสัตวแพทย์ได้ดำเนินการตรวจสอบตั๋วรูปพรรณเสือเพศผู้ ชื่อไอ้ลาย อายุ 10 ปีเศษ ที่อยู่ในกรงที่ 3 และเสือเพศเมีย ชื่อสาย อายุ 10 เศษ ที่อยู่ในกรงที่ 4 และจากการตรวจสอบตั๋วรูปพรรณเสือทั้ง 2 ตัวในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าลักษณะลายของตัวเป็นตัวเดียวกันหรือไม่
ทั้งนี้ คณะเจ้าหน้าที่ได้แต่นั่งรอ นายธวัช จนกระทั่งเวลา 14.30 น. นายธวัช ก็ยังเดินทางมาไม่ถึงจึงตัดสินใจให้คณะสัตวแพทย์ดำเนินการยิงยาสลบเสือทั้ง 4 ตัว เพื่อดำเนินการตรวจสอบหาไมโครชิป หากไม่พบก็จำดำเนินการฝังไมโครชิปทันที พร้อมกันนี้ คณะสัตวแพทย์จะได้เก็บตัวอย่างเลือด และขนของเสือ รวมทั้งเล็บเสือเพื่อนำไปตรวจดีเอ็นเอ พิสูจน์ว่า เสือเพศผู้ และเพศเมียใช่พ่อ และแม่ของเสือเพศเมียชื่อตัวเล็ก อายุ 2 ปีเศษ ที่อยู่ในกรงที่ 5 และเสือเพศผู้ ชื่อโทน อายุ 1 ปีเศษ ที่อยู่ในกรงที่ 6 หรือไม่
โดยระหว่างคณะสัตวแพทย์กำลังเตรียมอุปกรณ์เพื่อยิงยาสลบเสืออยู่นั้น ประกฏว่า นายธวัช ขจรชัยกุล หรือเสี่ยตง เจ้าของเสือเดินทางมาถึงพอดี พร้อมกับนำเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่อเสือรวมทั้งเอกสารการครอบครองที่ดินมามอบให้แก่เจ้าหน้าที่ด้วย เมื่อสื่อมวลชนทั้งไทย และเทศเห็น นายธวัช จึงรีบเข้าไปสัมภาษณ์ถึงการได้มาของเสือทันที
หลังจากให้สัมภาษณ์ และตอบข้อซักถามของเจ้าหน้าที่แล้วเสร็จ คณะเจ้าหน้าที่จึงให้ นายธวัช ไปเซ็นเอกสารยินยอมให้คณะสัตวแพทย์ยิงยาสลบเสือเพื่อตรวจดีเอ็นเอ ซึ่ง นายธวัช ก็พร้อมที่จะทำตาม และยินดีที่จะให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่ทุกขั้นตอน โดยก่อนดำเนินการยิงยาสลบเสือ คณะเจ้าหน้าที่ได้ขอให้คณะสื่อมวลชนทุกแขนงออกไปให้ห่างกรงเสือเพื่อความปลอดภัยของทุกคน
สำหรับเสือโคร่งที่ถูกยิงยาสลบตัวแรกคือ เสือเพศเมีย ชื่อตัวเล็ก อายุ 2 ปีเศษ ที่อยู่ในกรงที่ 5 โดยเริ่มยิงในเวลา 15.00 น.หลังจากถูกยิงเสือตัวดังกล่าวส่งเสียงร้องคำรามออกมาด้วยความตกใจ ทำให้เสือโคร่งตัวอื่นตกใจวิ่งกระโจนไปมาอยู่ตลอดเวลา คณะสัตวแพทย์ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที เสือตัวดังกล่าวจึงหลับ คณะสัตวแพทย์จึงนำอุปกรณ์เข้าไปตัดขน และเล็บรวมทั้งเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อนำไปตรวจดีเอ็นเอ รวมทั้งฝังไมโครชิปเอาไว้ด้วย
ล่าสุด เมื่อเวลา 17.20 น. คณะเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการยิงยาสลบเสือทั้ง 4 ตัวครบแล้ว โดยตัวสุดท้าย คือ เสือเพศเมีย ชื่ออีสาย อายุ 10 ปีเศษ อยู่ในกรงที่ 4 และอยู่ระหว่างการฝังไมโครชิป คาดว่าเสือตัวดังกล่าวชื่ออาจจะไม่เพราะจึงเปลี่ยนชื่อให้ใหม่เป็นชื่อ ขี้เกียจ ซึ่งผลดำเนินการผ่านไปด้วยดี ขณะนี้เสือทั้ง 4 ตัวถูกฉีดยาให้ฟื้นจากการสลบแล้ว
พ.ต.ท.สรรเสริญ ศิริพันธ์ สว.กก.5 บก.ปทส. เปิดเผยว่า การเข้าตรจสอบเสือโคร่งทั้ง 4 ตัวครั้งนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามสืบทราบว่า สถานที่ดังกล่าวอาจจะเชื่อมโยงต่อเสือโคร่งที่ถูกขนย้ายออกไปจากวัดเสือทั้ง 147 ตัว และอาจจะเกี่ยวพันต่อเสือที่หายออกไปจากวัด จำนวน 3 ตัวเมื่อปี พ.ศ.2558
นอกจากนี้ ยังต้องสงสัยว่าสถานที่ดังกล่าวอาจถูกใช้สำหรับการชำแหละเสือ ซึ่งการตรวจสอบวานนี้ (7 มิ.ย.) คณะเจ้าหน้าที่พบคราบเลือดติดอยู่กับกระสอบ จึงเก็บตัวอย่างไปตรวจดีเอ็นเอ แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่า จะเป็นคราบเลือดของเสือ หรือคราบเลือดของวัวกันแน่ ซึ่งจะต้องรอผลอีกประมาณ 1 เดือน
เช่นเดียวกันกับการตรวจดีเอ็นเอ ของเสือทั้ง 4 ตัว จะต้องรอผลการตรวจประมาณ 1 เดือนเช่นกันจึงจะสามารถสรุปได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องต่อเสือโคร่งที่ถูกขนย้ายไปจากวัดป่าหลวงตามหาบัวหรือไม่ ส่วนการที่ นายธวัช นำเอกสารมาแสดงการครอบครองเสือทั้ง 4 ตัว ก็นับว่าเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้ง่ายต่อการตรวจสอบ ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่ทั้งหมดจะปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา และจะให้ความเป็นธรรมต่อ นายธวัช ด้วย
ด้าน นายกนก สันธิศิริ หัวหน้าสายตรวจป้องกันปราบปราม ด้านสัตว์ป่าส่วนกลาง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า นายธวัช ขจรชัยกุล ได้แจ้งการครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2546 ต่อสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 สาขาท่าม่วง เลขที่รับ 445 ลงวันที่ 5 กันยายน 2546 โดยแจ้งว่า มีสัตว์ป่าคุ้มครองอยู่ในครอบครองขณะนั้นรวม 7 รายการ 1 ใน 7 มีเสือโคร่งอยู่ จำนวน 3 ตัว แต่จำนวนสัตว์ป่าได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมโดยชนิดจำนวนสัตว์ป่า 5 ใน 7 ชนิดได้ตาย และปล่อยไปแล้ว ยังคงเหลือเสือโคร่งเพียง 2 ตัว จากที่มีอยู่ 3 ตัว และมีเพิ่มขึ้นมาอีก 2 ตัว เนื่องจากเสือที่เพิ่มมา จำนวน 2 ตัวเป็นลูกของเสือที่มีอยู่
สำหรับการตรวจตั๋วรูปพรรณของเสือโคร่ง 2 ตัวที่เจ้าของอ้างว่า เป็นพ่อกับแม่เสือ คือ เสือเพศผู้อายุ 10 ปีเศษ และเสือเพศเมียอายุ 10 ปีเศษ เบื้องต้น ผลการตรวจลายเสือที่มีอยู่ตามจุดต่างๆ พบว่า มีลักษณะคล้ายกัน แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าใช่เสือตัวเดียวกันกับตั๋วรูปพรรณหรือไม่
ด้าน นายธวัช ขจรชัยกุล หรือเสี่ยตง เจ้าของเสือกล่าวว่า ตนอยู่ที่นี่มานานกว่า 30 ปี โดยเมื่อปี 2558 ตนได้ทำหนังสือขอแจ้งการเปลี่ยนแปลงจำนวนสัตว์ป่าคุ้มครองที่มีไว้ในครอบครองไปถึง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 บ้านโป่ง ว่า เคยมีสัตว์ป่าไว้ในครอบครองกี่ชนิด และมีอะไรบ้าง สัตว์ป่าชนิดใดตาย และหลุด รวมทั้งปล่อยไปบ้าง โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตนได้มีการนัดหมายกับเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาตรวจสอบลูกเสือทั้ง 2 ตัวที่เกิดใหม่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝังไมโครชิป แต่จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่เข้ามาดำเนินการตามที่นัดหมายเอาไว้
ตนไม่รู้สึกตื่นเต้นแต่อย่างใด เพราะการเลี้ยงเสือตนถือว่าเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งตนได้เลี้ยงมานานกว่า 20 ปีแล้ว เพราะเราชอบเราจึงเลี้ยงไว้ ส่วนที่มาของเสือตนได้มาจาก ส.ส.ราชบุรี เพราะรู้จักกัน และ ส.ส.ก็มีฟาร์มเลียงด้วย ซึ่งก็ได้มาเลี้ยง จำนวน 1 คู่ ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีการประกาศให้เสือโคร่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง แต่เมื่อมีการประกาศให้เสือโคร่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตนก็ได้ไปแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย และที่ผ่านมา ตนได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบทุกครั้ง ไม่ว่าเสือจะเกิด หรือตาย ซึ่งตนขอยืนยันว่า เสือที่ตนครอบครองอยู่นั้นถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ สามารถตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอได้
“สำหรับข่าวที่ว่าพื้นที่ของผมเป็นแหล่งพักเสือ เป็นแหล่งชำแหละเสือที่เกี่ยวพันต่อวัดป่าหลวงตามหาบัวฯ นั้น ตรงนี้ผมมองว่าเป็นการมั่ว มั่วเพื่อให้ตื่นเต้น และผมจะฟ้อง ซึ่งจะได้ปรึกษากับทนายเพื่อดำเนินการต่อไป และส่วนตัวผมมองว่า เสือวัดหลวงตาบัวฯ จำนวน 3 ตัวที่ว่าหายไปนั้นผมมองว่าเสืออาจจะไม่ได้หายไปไหน แต่เป็นเพราะการขัดแย้งกันภายในมากกว่า” นายธวัช กล่าว
**ส.ป.ก.เตรียมเสนอ คสช.ใช้ ม.44 ยึดคืนที่ดินวัดป่าหลวงตาบัวฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันนี้ (8 มิ.ย.) นายวัชรินทร์ วากะมะนนท์ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี ได้ให้สัมภาษณ์ขณะนำป้ายประกาศสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี (ส.ป.ก.) ไปติดตั้งที่หน้าประตูที่ 1 และ 3 ทางเข้าวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เพื่อยึดคืนที่ดิน จำนวน 931-0-83 ไร่ หลังจากทางวัดขอใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า เลขาธิการ ส.ป.ก. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายให้ ส.ป.ก.ตรวจสอบการการใช้ประโยชน์ที่ดิน ส.ป.ก.ทั่วประเทศ และคนที่ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด คือ ส.ป.ก.กำหนดให้ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.ได้ไม่เกิน 50 ไร่ต่อราย
หากรายใดครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.เกิน 500 ไร่ขึ้นไป เราก็จะทำการตรวจสอบทั่วประเทศ จากนั้นจะนำเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะ คสช.เพื่อใช้มาตรา 44 เพื่อยึดคืนที่ดิน ส.ป.ก.ทั้งหมด ซึ่งผู้ที่ครอบครองที่ดินจำนวนดังกล่าวทาง ส.ป.ก.กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งคาดว่าหากใช้ ม.44 จะสามารถยึดคืนที่ดิน ส.ป.ก.ได้ไม่ต่ำกว่า 500,000 ไร่ ซึ่ง 1 ในนั้นคือ ที่ดินของวัดป่าหลวงตามหาบัวฯ อาจจำเป็นต้องบังคับใช้ ม.44 ด้วย เพราะจะทำให้การยึดคืนเกิดความรวดเร็วยิ่งขึ้น
สำหรับที่ดิน ส.ป.ก.เนื้อที่ จำนวน 391 ไร่ 1 งาน 21 ตารางวา ตำแหน่งที่ดินแปลงที่ 1 ระวาง ส.ป.ก.ที่ หรือกลุ่มที่ 3705 ส.ป.ก.อนุญาตให้กรมการศาสนา หรือสำนักงานพระพุทธศานาแห่งชาติ นำที่ดินมาสร้างวัดป่าหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2546 ซึ่งการขอใช้พื้นที่ ส.ป.ก.ผู้ได้รับอนุญาตจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่มีอยู่ 14 ข้ออย่างเคร่งครัด แต่หลังจากที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาขนย้ายเสือของกลาง จำนวน 147 ตัวออกไปจากวัด ส.ป.ก.ก็ได้เข้ามาตรวจสอบที่ดิน ที่ ส.ป.ก.อนุญาตให้ทางวัดใช้ประโยชน์ ปรากฏว่า ผิดเงื่อนขาการขอใช้ประโยชน์อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการยึด และครองที่ดิน ส.ป.ก.เพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องเพิกถอนที่ดินทั้งหมด พร้อมทั้งแจ้งความดำเนินคดีต่อวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ในข้อหาบุกรุกที่ดินของรัฐ
จากนี้ไปผู้รับอนุญาตมีหน้าที่ต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง พร้อมทั้งปรับสภาพที่ดินให้สามารถใช้ประโยชน์เพื่อการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมต่อไปได้ ภายในเวลาที่สำนักงานปฏิรูปเพื่อการเกษตรกรรมกำหนด หากเพิกเฉยเสีย สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมจะดำเนินการเอง โดยผู้รับอนุญาตเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด เว้นแต่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม ประสงค์จะใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินนั้นต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ได้รับแจ้งจาก นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความมูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน ว่า ในวันพรุ่งนี้ (9 มิ.ย.) เวลา 09.00 น. พระวิสุทธิสารเถร หรือหลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาสวัดป่าหลวงตาบัวญาณสัมปันโน ประธานมูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน จะมาแถลงข่าวที่ศาลาหน้าประตูทางเข้าวัดป่าวัดป่า (ซุ้มประตูเสือ) โดยมี นายศิริ หวังบุญเกิด อดีตกรรมการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอนุกรรมการสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นตัวแทนแถลงข่าว