ประจวบคีรีขันธ์ - พบแล้วบุคคลในภาพถวายงานหลวงภาพที่ 7 เป็นนักเรียนรายการศึกษาทัศน์ โรงเรียนวังไกลกังวล ปัจจุบัน เป็นครูผู้ช่วยสอนดนตรีสากลโรงเรียนรัชตวิทยาคม และเปิดโรงเรียนสอนดนตรีให้แก่เด็กๆ ในอำเภอหัวหิน เผยความรู้สึกในเหตุการณ์ครั้งนั้นว่าทุกคนต่างตื่นเต้น และปลาบปลื้มใจมาก ไม่คาดคิดว่าจะมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระอรรถาธิบายที่เข้าใจง่าย น่าสนใจ และทรงมีพระอารมณ์ขัน ทำให้เกิดแรงบันดาลในการเป็นครู
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ โครงการตามหาบุคคลในภาพแห่งความจงรักภักดี รวม 7 ภาพ เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจอันทรงคุณค่าในด้านต่างๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนชาวไทย และชาวต่างประเทศ โดยในเบื้องต้น กระทรวงวัฒนธรรม ได้คัดเลือกภาพแล้ว จำนวน 7 ภาพ โดยภาพที่ 7เป็นภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรนิทรรศการต่างๆ ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมโครงการชลประทานอันเนื่องมาจากพระราชดำริแห่งแรก อ่างเก็บน้ำบ้านเขาเต่า ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2544 โดยบุคคลที่ตามหาคือ นักเรียนหญิงผมสั้น
วันนี้ (3 มิ.ย.) ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พบบุคคลในภาพดังกล่าวแล้ว และได้รับการยืนยันตรงกันจากคณะครูโรงเรียนวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ว่า บุคคลในภาพขณะนั้นก็คือ ด.ญ.ทิพย์วรรณ ศุภกิจถาวร หรือส้ม ขณะนั้นเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวังไกลกังวล และเป็นนักเรียนที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมรายการศึกษาทัศน์ ซึ่งเป็นรายการของมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ซึ่งรูปแบบรายการจะพานักเรียนไปศึกษาเรียนรู้เรื่องต่างๆ รอบตัว ปัจจุบัน ส้ม หรือครูส้ม อายุ 29 ปี เป็นครูผู้ช่วย สอนดนตรีสากลอยู่ที่โรงเรียนรัชตวิทยาคม อำเภอปราณบุรี มานานกว่า 1 ปี และยังใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียน และวันหยุดเปิดโรงเรียนสอนดนตรีประเภทเปียโน อยู่ที่อำเภอหัวหินด้วย
ครูส้ม กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า ตนและเพื่อนอีก 4-5 คน ถูกคัดเลือกให้เป็นนักเรียนในรายการศึกษาทัศน์ ของมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เคยได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จอยู่หัว หลายครั้งจากการทำรายการศึกษาทัศน์ ซึ่งเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จแปรพระราชฐาน ณ วังไกลกังวล มีการเสด็จพระราชดำเนินไปตามโครงการพระราชดำริต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดเพชรบุรี และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เป็นครูให้ความรู้แก่นักเรียนรายการศึกษาทัศน์ และนักเรียนปลายทาง ทั้งโครงการฝนหลวง ที่ท่าอากาศยานหัวหิน โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดเพชรบุรี และวนอุทยานปราณบุรี อ.ปราณบุรี ตลอดจนโครงการอ่างเก็บน้ำเขาเต่า อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น
ครูส้ม กล่าวว่า ความรู้สึกของตนเองเมื่อทราบว่า จะได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครั้งนั้นจำได้ว่า คณะครู ทีมงาน และนักเรียนต่างก็ตื่นเต้นกันมาก เพราะไม่คาดคิดมาก่อน มีการซักซ้อมเรื่องมารยาทไทย การใช้คำราชาศัพท์ และหาข้อมูลเบื้องต้นก่อน ซึ่งก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ยากสำหรับตนเอง ณ ขณะนั้น แต่เมื่อได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ พระองค์ท่านก็พบว่า พระองค์ท่านให้ความเป็นกันเองแก่นักเรียน ทรงสอนหลานอย่าง ซึ่งก็ล้วนเป็นเรื่องใกล้ตัวเราทั้งสิ้น
นอกจากนี้ พระองค์ท่านยังทรงสอนเรื่องการเรียน การใช้ชีวิต เช่น ทุกอย่างเกิดจากลงมือทำ สำหรับตนเองมองว่า พระองค์ท่านทรงเป็นครูที่เป็นแบบอย่างทีดี ทรงอธิบายเรื่องต่างๆ อย่างเข้าใจง่าย สอนให้เราเรียนรู้ที่จะรัก และหวงแหนในสิ่งรอบตัว ไม่ว่าจะเป็น ดิน น้ำ ป่าไม้ วัฒนธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่เรามองข้ากันไป พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีให้เราได้ก้าวเดินตามรอยพระบาท
สำหรับเหตุการณ์ในภาพ ครูส้ม กล่าวว่า ตอนที่พระองค์ท่านสอนเรื่องน้ำ มีการนำปลาทอง ซึ่งเป็นสัตว์ที่อ่อนไหวต่อสภาพน้ำมาเป็นตัวอย่าง เมื่อสภาพน้ำเริ่มไม่ดี ปลาทองก็เริ่มมีอาการไม่ดี ซึ่งพระองค์ท่านมีรับสั่งให้ช่วยชีวิตปลาทองโดยด่วน ทำให้นักเรียนหลุดขำออกมา น่าแปลกที่พระองค์ท่านไม่ได้มีอาชีพเป็นครู แต่สามารถให้ความรู้ได้เป็นอย่างดี ไม่รู้สึกเบื่อเลยแม้ว่าจะใช้เวลานานก็ตาม
นอกจากนี้ ยังทราบว่าพระองค์ท่านทอดพระเนตรายการศึกษาทัศน์ เพราะหลายครั้งที่ทรงมีรับสั่งมายังทีมงาน สำหรับภาพนี้เคยเป็นภาพที่ประดับไว้ที่ถนนราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร ซึ่งครอบครัวก็ได้ไปถ่ายเก็บเอาไว้
ตนเองจะสืบสานพระปณิธานของพระองค์ทั้งในเรื่องรู้หน้าที่ การรู้คุณค่าของตนเอง และรู้คุณค่าของสิ่งอื่นรอบตัว ปัจจุบัน ตนเองเป็นครู เพราะมีแรงบันดาลใจจากพระองค์ท่านที่ทรงเป็นแบบอย่างของครูที่ดี ตนได้มีโอกาสถ่ายทอดสิ่งที่พระองค์สอนให้แก่เด็กๆ ได้เรียนรู้ได้นำไปใช้ วิธีการสอนของพระองค์ท่านถือเป็นแบบอย่างที่ดีที่ครูจะนำไปถ่ายทอดความรู้ให้ความรู้แก่นักเรียน ซึ่งถ้าครูทุกคนสอนเด็กๆ ได้เหมือนพระองค์ท่านจะเป็นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเด็กๆ ซึ่งเป็นอนาคตของชาติต่อไป