เชียงราย - ผู้จัดการโรงเรียนฯ มูลนิธิพันธกิจสุขสันต์ระบุเตรียมทุบอาคารหอพักนอนที่เกิดเหตุไฟไหม้ทิ้ง สลัดความเศร้า สร้างสวนพฤกษศาสตร์รำลึกถึง 17 นักเรียนหญิงผู้เสียชีวิตแทน พร้อมยืนยันยังเปิดการเรียนการสอนต่อ เริ่ม 30 พฤษภาฯ นี้ ขณะที่ สกอ.บอกมีผู้ปกครองต้องการย้ายลูกไปเรียนที่อื่นแล้วกว่าสิบราย
วันนี้ (26 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณจุดเกิดเหตุไฟไหม้หอพักนอนทำให้นักเรียนหญิงโรงเรียนพิทักษ์เกียรติวิทยาของมูลนิธิพันธกิจสุขสันต์ (องค์กรสาธารณประโยชน์) เลขที่ 9 ม.11 ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย เสียชีวิต 17 ราย ยังคงมีประชาชน และองค์กรต่างๆ นำเงิน ข้าวของเครื่องใช้ อาหารแห้ง น้ำดื่ม ฯลฯ ไปร่วมบริจาคเพื่อช่วยเหลือโรงเรียนและผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมีคณะจากองค์กรทางศาสนาคริสต์หลายแห่งเดินทางทำพิธีอ่านพระคัมภีร์นมัสการพระเจ้าเพื่อให้ดวงวิญญาณของเด็กหญิงทั้ง 17 คนไปสู่สรวงสวรรค์ด้วย
ด้านนายเรวัตร วาสนา ผู้จัดการโรงเรียนฯ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุทางโรงเรียนได้ปิดทำการเรียนการสอนชั่วคราวเป็นเวลา 7 วัน และจะครบกำหนดเปิดเรียนอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 30 พ.ค.นี้ ซึ่งทางโรงเรียนก็ยืนยันว่าจะยังคงเปิดทำการเรียนการสอนตามปกติ โดยไม่มีนโยบายปิดโรงเรียน หรือส่งเด็กไปเรียนที่อื่นแต่อย่างใด แต่หากมีผู้ปกครองประสงค์จะให้บุตรหลานไปเรียนที่อื่นเราก็ยินดี ส่วนผู้ปกครองที่ยังมีความมั่นใจต่อทางโรงเรียนฯ อยู่ก็ขอขอบคุณอย่างมาก
นายเรวัตรกล่าวอีกว่า โดยหลักการบริหารจะแยกส่วนกันระหว่างโรงเรียนกับหอพักนักเรียน เพียงแต่สองหน่วยงานอยู่ภายใต้มูลนิธิฯ เดียวกันเท่านั้น เด็กที่พักอยู่ในหอพักก็ไม่ได้เรียนในโรงเรียนฯ ทั้งหมด บางส่วนออกไปเรียนที่อื่นด้วย
นายเรวัตรกล่าวต่อว่า สำหรับอาคารหอพักนอนที่เกิดเหตุเศร้าสลดนั้น ได้มีการประชุมหารือกันแล้วว่าจะมีการรื้ออาคารแห่งนี้ออก และสร้างเป็นสวนพฤกษศาสตร์ขึ้นมาแทน เพื่อระลึกถึงเด็กนักเรียนที่เสียชีวิตทั้ง 17 ราย และลบภาพความเจ็บปวดในอดีตออกไปให้หมด
นายเรวัตรยังได้กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่าประตูของอาคารหอพักนอนปิดจากด้านนอกนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะตามปกติประตูจะปิดจากด้านใน และแม่บ้านก็ยืนยันว่าช่วงที่ออกไปก็ปิดประตูจากด้านในก่อนจะเดินอ้อมไปประตูด้านหลัง และออกไปทำธุระก่อนที่จะเกิดเพลิงไหม้ ซึ่งเหตุนี้ก็ถือว่าเกิดขึ้นด้วยเหตุสุดวิสัยจริงๆ
ด้านนางพิมพ์ วาสนา ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวว่า โรงเรียนเคยมีนักเรียนอยู่จำนวน 142 คน และได้สูญเสียจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไปจำนวน 17 ราย แต่ก็ยังเหลือที่รอดชีวิต และไม่ประสบเหตุให้ต้องดูแลอีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจะยังคงทำหน้าที่ดูแลเด็กเหล่านี้ให้ดีที่สุดต่อไป
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สกอ.) แจ้งว่า หลังจากเกิดเหตุดังกล่าวพบว่ามีผู้ปกครองประสงค์จะให้บุตรหลานออกไปเรียนที่อื่นแล้วจำนวน 16 คน โดยบางส่วนเป็นผู้ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ในคืนวันที่ 22 พ.ค.ดังกล่าว เป็นผู้ปกครองที่สูญเสียบุตรหลานในเหตุการณ์นี้ 1 ราย และมีบุตรหลานบางคนรอดชีวิตก็ได้ขอย้ายไปเรียนที่อื่น
แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถสรุปตัวเลขนักเรียนที่ขอย้ายได้ชัดเจน เนื่องจากทางโรงเรียนแจ้งว่ายังไม่ได้รับเรื่องอย่างเป็นทางการ ซึ่งสภาพของการเรียนการสอนในอนาคตคงสามารถดูได้จากวันเปิดเรียนครั้งแรกหลังเกิดเหตุการณ์ในวันจันทร์ที่ 30 พ.ค.ที่จะถึงนี้