คณะทำงานตำรวจภูธรภาค 5 ทยอยเรียกสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องคลี่คลายคดีไฟไหม้หอพัก-ย่างสด 17 นร.โรงเรียนพิทักษ์เกียรติฯ เผยรู้ต้นเพลิงแล้ว แต่รอพิสูจน์หลักฐานสรุปเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนชี้ชัด ด้านครูเวรสาวเผยสุดเสียใจ สูญเสียน้องสาว-หลานสาวด้วย เผยพยายามช่วยลูกศิษย์เต็มที ขณะที่จนท.กฟภ.ยันโอกาสน้อย หลอดไฟร้อนลามลุกไหม้
ความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้อาคารบ้านพักนักเรียน โรงเรียนพิทักษ์เกียรติวิทยา ภายในมูลนิธิพันธกิจสุขสันต์ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย เมื่อช่วงค่ำของวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา จนเกิดเหตุโศกนาฎกรรม มีนักเรียนเสียชีวิตถึง 17 ศพ และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก
โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองที่ยังรอรับศพลูกหลานของตัวเอง ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ ต่างเดินทางไปยังบริเวณด้านหน้าบ้านพักที่เกิดเหตุ เพื่อไปดูหาเก็บรองเท้าของลูกหลานที่วางเอาไว้บริเวณชั้นวางด้านหน้าบ้านพัก
ขณะที่บางคนก็นำข้าว-น้ำดื่มไปวางไว้ที่บันไดด้านหน้า พร้อมทำพิธีสวดตามภาษาชนเผ่าตนเอง โดยมีเสียงร้องไห้กันดังระงมเป็นที่เวทนาต่อเจ้าหน้าที่ และผู้ที่อยู่บริเวณดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง
ตร.เร่งสอบหาหลักฐาน เผยรู้ต้นเพลิงแล้ว รอพิสูจน์
วานนี้ (24 พ.ค.) พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ รอง ผบช.ภ.5 ประธานคณะทำงานตำรวจภูธร ภ.5 เพื่อคลี่คลายในคดีไฟไหม้บ้านพักนักเรียนหญิง กล่าวว่า คณะทำงานชุดสอบสวนมีพนักงานสอบสวนแยกกันสอบปากคำจำนวน 11 นาย ได้ทยอยเรียกสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมด รวมถึงครูเวรที่นอนดูแลเด็กในคืนเกิดเหตุ และตัวเองก็ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงแม่บ้านที่ตามปกติจะอยู่ชั้นล่าง แต่ช่วงเกิดเหตุได้ออกจากบ้านที่เกิดเหตุด้วย
ขณะเดียวกันก็เริ่มได้เค้าของสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ และทราบถึงจุดที่เป็นต้นเพลิงที่ชั้นแรกของตัวบ้านแล้ว แต่คงต้องรอคำตอบที่เป็นลายลักษณ์อักษรจากหน่วยงานพิสูจน์หลักฐานก่อนจึงจะสามารถสรุปผลให้ชัดเจนได้ เพราะคดีลักษณะนี้จะสรุปสำนวนได้ก็ด้วยหลักฐานที่ชัดเจน และการสอบปากคำจากผู้ที่เกี่ยวข้อง
" การดำเนินคดีนี้ยอมรับว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ใช้เวลา เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อจิตใจผู้สูญเสีย และเมื่อมีกระแสหลายๆ อย่างออกมาก็ไม่ควรอ่อนไหว เช่น กรณีมีการระบุว่าประตูบ้านพักปิดจากด้านนอก ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะประตูบ้านที่เกิดเหตุปิดจากด้านใน แต่สาเหตุที่เด็กไม่สามารถหลบหนีออกจากทางบันไดปกติได้ เพราะเปลวไฟโหมไหม้บริเวณดังกล่าวอย่างหนัก จึงต้องโรยตัวออกทางหน้าต่างชั้น 2 และเกิดความสูญเสียดังกล่าว"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านการบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้น นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ นายอำเภอเวียงป่าเป้า แจ้งสรุปว่า มีบัญชีเอาไว้เพียง 2 บัญชีเพื่อจะได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยตรง ไม่ใช่นำไปใช้เพื่อการอื่น คือ 1. บัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนท่าแพ เชียงใหม่ ชื่อบัญชี “ช่วยเหลือเด็กเสียชีวิตจากเพลิงไหม้ เวียงป่าเป้า” หมายเลขบัญชี 012-3-98314-9
2. บัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาเวียงป่าเป้า ชื่อบัญชี ช่วยเหลือน้องผู้ประสบภัย โรงเรียนพิทักษ์เกียรติ อ.เวียงป่าเป้า หมายเลขบัญชี 020072480782
ครูเวรเผยนาทีชีวิต เสียน้อง-หลานด้วย
วานนี้ (24 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวน ได้เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวเข้าให้ปากคำ ทั้งนางพิมพ์ วาสนา ผู้อำนวยการโรงเรียน, นายเรวัฒน์ วาสนา ผู้จัดการโรงเรียน, ครูสอนภายในโรงเรียน, ครูเวรผู้นอนเฝ้าเด็กในบ้านพักหลังที่เกิดเหตุ, เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาล ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า ฯลฯ ที่ สภ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ตลอดทั้งวัน
น.ส.สุชาดา แซ่มั่ว อายุ 22 ปี ครูเวรที่นอนเฝ้าเด็กในคืนเกิดเหตุ และได้รับบาดเจ็บกระดูกหลัง-สะโพก กระทบกระเทือนต้องใช้ไม้เท้าช่วยค้ำในการเดิน ให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีเด็กหญิงคนหนึ่งเห็นไฟไหม้จึงได้ตะโกนเรียกคนอื่นๆ และแจ้งให้ตนทราบ ตนจึงไปตรวจดูพบมีกลุ่มควันไฟคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ และมีประกายไฟจากชั้นล่างตรงบันไดทางขึ้น-ลง
"เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วมากจนแทบจะหลงทิศ จึงพยายามนำเด็กขึ้นไปชั้นสอง ไปที่หน้าต่างและใช้เชือกห้อยโหนลงจากชั้น 2 ไปทีละคนๆ และก่อนที่จะช่วยเหลือเด็กคนอื่นๆ ต่อ ตนก็หมดสติขณะอยู่ที่ขอบหน้าต่าง และตกลงไปกระแทกพื้นไม่รู้สึกตัวอีกเลย และ ตนมารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าไฟลุกไหม้บนตัวบ้านพักแล้ว ซึ่งตนเสียใจอย่างมาก เพราะน้องสาวของตน ด.ญ.อรทัย แซ่มั่ว ชั้น ป.3 เสียชีวิตไปพร้อมกับ ด.ญ.ผกายทิพย์ ไทยเรืองสุข ชั้น ป.2 ซึ่งเป็นหลานสาวของตนด้วย"
วันเดียวกัน พ.ต.อ.ประทักษ์ เจริญศิลป์ รอง ผบก.ภ.เชียงราย, นายวรวรรณ วงศ์คำ หัวหน้าแผนกก่อสร้างและปฏิบัติการ รักษาการแทนผู้จัดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) สาขาเวียงป่าเป้า พร้อมเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการด้านกระแสไฟฟ้า ได้เข้าตรวจระบบไฟฟ้าที่เกิดเหตุเพื่อดูว่ามีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดไฟไหม้หรือไม่
หลังการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ กฟภ.ระบุว่า หลอดไฟแทบไม่มีทางแตกได้เองเพราะความร้อน แต่สิ่งที่อาจจะเกิดความร้อนกะเทาะออกมาคือ รางหลอดด้านซ้าย และขวา ที่เป็นฉนวนของรางโลหะ แต่ก็ถือว่ามีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก
ความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้อาคารบ้านพักนักเรียน โรงเรียนพิทักษ์เกียรติวิทยา ภายในมูลนิธิพันธกิจสุขสันต์ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย เมื่อช่วงค่ำของวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา จนเกิดเหตุโศกนาฎกรรม มีนักเรียนเสียชีวิตถึง 17 ศพ และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก
โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองที่ยังรอรับศพลูกหลานของตัวเอง ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ ต่างเดินทางไปยังบริเวณด้านหน้าบ้านพักที่เกิดเหตุ เพื่อไปดูหาเก็บรองเท้าของลูกหลานที่วางเอาไว้บริเวณชั้นวางด้านหน้าบ้านพัก
ขณะที่บางคนก็นำข้าว-น้ำดื่มไปวางไว้ที่บันไดด้านหน้า พร้อมทำพิธีสวดตามภาษาชนเผ่าตนเอง โดยมีเสียงร้องไห้กันดังระงมเป็นที่เวทนาต่อเจ้าหน้าที่ และผู้ที่อยู่บริเวณดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง
ตร.เร่งสอบหาหลักฐาน เผยรู้ต้นเพลิงแล้ว รอพิสูจน์
วานนี้ (24 พ.ค.) พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ รอง ผบช.ภ.5 ประธานคณะทำงานตำรวจภูธร ภ.5 เพื่อคลี่คลายในคดีไฟไหม้บ้านพักนักเรียนหญิง กล่าวว่า คณะทำงานชุดสอบสวนมีพนักงานสอบสวนแยกกันสอบปากคำจำนวน 11 นาย ได้ทยอยเรียกสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมด รวมถึงครูเวรที่นอนดูแลเด็กในคืนเกิดเหตุ และตัวเองก็ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงแม่บ้านที่ตามปกติจะอยู่ชั้นล่าง แต่ช่วงเกิดเหตุได้ออกจากบ้านที่เกิดเหตุด้วย
ขณะเดียวกันก็เริ่มได้เค้าของสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ และทราบถึงจุดที่เป็นต้นเพลิงที่ชั้นแรกของตัวบ้านแล้ว แต่คงต้องรอคำตอบที่เป็นลายลักษณ์อักษรจากหน่วยงานพิสูจน์หลักฐานก่อนจึงจะสามารถสรุปผลให้ชัดเจนได้ เพราะคดีลักษณะนี้จะสรุปสำนวนได้ก็ด้วยหลักฐานที่ชัดเจน และการสอบปากคำจากผู้ที่เกี่ยวข้อง
" การดำเนินคดีนี้ยอมรับว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ใช้เวลา เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อจิตใจผู้สูญเสีย และเมื่อมีกระแสหลายๆ อย่างออกมาก็ไม่ควรอ่อนไหว เช่น กรณีมีการระบุว่าประตูบ้านพักปิดจากด้านนอก ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะประตูบ้านที่เกิดเหตุปิดจากด้านใน แต่สาเหตุที่เด็กไม่สามารถหลบหนีออกจากทางบันไดปกติได้ เพราะเปลวไฟโหมไหม้บริเวณดังกล่าวอย่างหนัก จึงต้องโรยตัวออกทางหน้าต่างชั้น 2 และเกิดความสูญเสียดังกล่าว"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านการบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้น นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ นายอำเภอเวียงป่าเป้า แจ้งสรุปว่า มีบัญชีเอาไว้เพียง 2 บัญชีเพื่อจะได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยตรง ไม่ใช่นำไปใช้เพื่อการอื่น คือ 1. บัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนท่าแพ เชียงใหม่ ชื่อบัญชี “ช่วยเหลือเด็กเสียชีวิตจากเพลิงไหม้ เวียงป่าเป้า” หมายเลขบัญชี 012-3-98314-9
2. บัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาเวียงป่าเป้า ชื่อบัญชี ช่วยเหลือน้องผู้ประสบภัย โรงเรียนพิทักษ์เกียรติ อ.เวียงป่าเป้า หมายเลขบัญชี 020072480782
ครูเวรเผยนาทีชีวิต เสียน้อง-หลานด้วย
วานนี้ (24 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวน ได้เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวเข้าให้ปากคำ ทั้งนางพิมพ์ วาสนา ผู้อำนวยการโรงเรียน, นายเรวัฒน์ วาสนา ผู้จัดการโรงเรียน, ครูสอนภายในโรงเรียน, ครูเวรผู้นอนเฝ้าเด็กในบ้านพักหลังที่เกิดเหตุ, เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาล ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า ฯลฯ ที่ สภ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ตลอดทั้งวัน
น.ส.สุชาดา แซ่มั่ว อายุ 22 ปี ครูเวรที่นอนเฝ้าเด็กในคืนเกิดเหตุ และได้รับบาดเจ็บกระดูกหลัง-สะโพก กระทบกระเทือนต้องใช้ไม้เท้าช่วยค้ำในการเดิน ให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีเด็กหญิงคนหนึ่งเห็นไฟไหม้จึงได้ตะโกนเรียกคนอื่นๆ และแจ้งให้ตนทราบ ตนจึงไปตรวจดูพบมีกลุ่มควันไฟคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ และมีประกายไฟจากชั้นล่างตรงบันไดทางขึ้น-ลง
"เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วมากจนแทบจะหลงทิศ จึงพยายามนำเด็กขึ้นไปชั้นสอง ไปที่หน้าต่างและใช้เชือกห้อยโหนลงจากชั้น 2 ไปทีละคนๆ และก่อนที่จะช่วยเหลือเด็กคนอื่นๆ ต่อ ตนก็หมดสติขณะอยู่ที่ขอบหน้าต่าง และตกลงไปกระแทกพื้นไม่รู้สึกตัวอีกเลย และ ตนมารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าไฟลุกไหม้บนตัวบ้านพักแล้ว ซึ่งตนเสียใจอย่างมาก เพราะน้องสาวของตน ด.ญ.อรทัย แซ่มั่ว ชั้น ป.3 เสียชีวิตไปพร้อมกับ ด.ญ.ผกายทิพย์ ไทยเรืองสุข ชั้น ป.2 ซึ่งเป็นหลานสาวของตนด้วย"
วันเดียวกัน พ.ต.อ.ประทักษ์ เจริญศิลป์ รอง ผบก.ภ.เชียงราย, นายวรวรรณ วงศ์คำ หัวหน้าแผนกก่อสร้างและปฏิบัติการ รักษาการแทนผู้จัดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) สาขาเวียงป่าเป้า พร้อมเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการด้านกระแสไฟฟ้า ได้เข้าตรวจระบบไฟฟ้าที่เกิดเหตุเพื่อดูว่ามีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดไฟไหม้หรือไม่
หลังการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ กฟภ.ระบุว่า หลอดไฟแทบไม่มีทางแตกได้เองเพราะความร้อน แต่สิ่งที่อาจจะเกิดความร้อนกะเทาะออกมาคือ รางหลอดด้านซ้าย และขวา ที่เป็นฉนวนของรางโลหะ แต่ก็ถือว่ามีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก