รัตนาวดี ตอนที่ 13
คณะทั้งหมดยืนท่ามกลางทุ่งหญ้า มองลงไปเห็นวิวทะเลสาบลูเซิร์นกว้างใหญ่ไพศาล สะอาดศรีเก็บดอกไม้ให้ท่านดนัย วีระสิงห์จะทำตามเก็บดอกไม้แต่ไม่กล้าให้รัตนาวดี
วิวอีกมุมหนึ่ง ท่านดนัยเดินคุยกับรัตนาวดี ป้าสร้อยเดินเข้ามาแยกท่านดนัยออกไป พาไปให้คุยกับlสะอาดศรี
ทั้งหมดนั่งทานอาหารอยู่ในร้านอาหารบนยอดเขาริกิ มองออกเป็นเป็นวิวยอดเขา ทุ่งหญ้าที่สวยงาม บริกรนำหม้อฟองดูว์มา วางเก็จกำง๋งตาโตสนใจ
"นี่มันหม้ออะไรกันนายเล็ก
บริกรนำชุดของฟองดูว์มาเสริฟเรื่อยๆ
"เค้าเรียกฟองดูว์จ้ะ...ใช่ไหมเพคะทูนหัว" สร้อยว่า
"ใช่ค่ะ...นายเล็กเคยพาเราไปทานแล้วไงคะ"
"ถ้าคุณเล็กแนะนำต้องอร่อยๆ แน่ๆ เลย...จริงไหมค่ะ ท่านหญิง" สะอาดศรีว่า
ท่านหญิงรัตนาวดียิ้ม
"ใช่จ้ะ"
"เค้าเรียกอะไรนะ...เอาฟองมาดูกัน...คนบ้านนอกอย่างพวกผมไม่เคยกิน ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า"
รัตนาวดีหัวเราะ ป้าสร้อยก็ยิ้มชอบใจ
"เป็นภาษาฝรั่งเศสครับ ฟองดูว์แปลว่าละลาย เค้าเอาชี้สมาละลาย ใส่ไวน์ขาวลงไปด้วย เวลาทานก็ใช้ขนมปัง กับ ผลไม้พวกนี้จุ่มในชี้สแล้วทาน"
สะอาดศรีจ้องท่านดนัยอย่างสนใจ ยิ้มหวานตาโต
"โอ...น่าทานจริงๆ"
"หรือจะทานแบบนี้เราก็เอาเนื้อลงไปในน้ำมัน อยากให้สุกแค่ไหนก็แล้วแต่ชอบ ทานกับซ้อสพวกนี้" รัตนาวดีว่า
สะอาดศรีไม่สนใจรัตนาวดีพูด ได้แต่มองท่านดนัย เก็จกำง๋งดื่มไวน์หัวเราะเสียงดัง
"อ้อ...มาดูฟองละลายกัน...แต่ไม่เห็นมีฟอง ถ้างั้นไม่ดูละกินเลยนะ"
รัตนาวดีหัวเราะ
"เชิญเลยค่ะ"
ป้าสร้อยตักอาหารให้รัตนาวดี
บรรยากาศการทานอาหารที่ดูสนุกสนาน สะอาดศรีสนใจฟังแต่ท่านดนัย รัตนาวดีขำกับท่าทางของเก็จกำง๋ง
พนักงานมาเก็บเงินท่านดนัยจะจ่าย เก็จกำง๋งห้ามไม่ให้จ่าย ป้าสร้อยไม่ยอม เก็จกำง๋งก็ไม่ยอม สุดท้ายต่างคนต่างนับเงินจ่ายของตัวเอง รัตนาวดีมองอย่างเริ่มเบื่อ
ในห้องนอน Hotel Romantik Wilden Mann รัตนาวดีเปลี่ยนเป็นชุดสบายๆ ปล่อยผมยาวสวย เดินมานั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือ หยิบกระดาษเขียนจดหมาย กับปากกาออกมา
"ทูลเจ้าพี่ทรงทราบ...ตอนนี้หญิงมาอยู่ที่ลูเซิร์นแล้วค่ะ ตามที่เจ้าพี่ทรงกำชับว่าต้องมาที่นี่ให้ได้..เป็นเมืองสวยจริงๆ หญิงได้เจอกับคณะคนไทยสามคน เป็นพ่อ กับลูกสองคน พ่อชื่อเก็จกำง๋ง...ป้าสร้อยบอกว่าเค้าเป็นเศรษฐีทางเหนือ ลูกสาวชื่อหนูอาด แต่เปลี่ยนชื่อใหม่ว่าสะอาดศรี แม่สะอาดศรีดูท่าทางจะชอบนายเล็กของเรา เห็นกระแซะเข้าไปใกล้ๆ เรื่อยๆ"
รัตนาวดีเขียนมาถึงตรงนี้ก็หยุดเขียน เงยหน้าใช้ความคิด สักครู่ก็ตัดสินใจขยำกระดาษที่เขียนจดหมายนั้นทิ้งในตะกร้า รัตนาวดีพยายามเรียกสมาธิตัวเอง...
รถของท่านดนัยขับนำ รถของเก็จกำง๋งขับตามหลัง โดยรถขับผ่านวิวสวยงามบนถนนสวยๆ ที่มีภูเขาขนาบทั้งสองด้าน
คณะเดินทางหยุดพักต้มกาแฟทานกลางทางที่เห็นทุ่งหญ้าสวยๆ รถสองคันจอดอยู่ริมทาง เก็จกำง๋งนอนหลับอยู่เบาะหน้ารถ ท่านดนัยต้มน้ำบนเตาเล็กๆ ที่กำลังเดือด สะอาดศรีกับวีระสิงห์คอยช่วยชงกาแฟแจกทุกคน ท่านดนัยชงชาให้ป้าสร้อย
"ชาถ้วยนี้ของท่านหญิงกับคุณสร้อยนะครับ"
สะอาดศรียิ้มหวาน
"ป้าสร้อยชอบทานชามากกว่ากาแฟเหรอคะ"
ท่านดนัยหันไปชงกาแฟต่อไม่ได้สนใจ
"ครับ"
วีระสิงห์รีบรับถ้วยกาแฟไปจากสะอาดศรี เดินเอาแก้วชาไปเสริฟ
"พี่เอาไปให้เอง"
สะอาดศรีดีใจ
"ขอบใจนะ...ดีเลย..หนูจะได้คอยช่วยคุณเล็ก...เอ้อ..หนูมีเรื่องอยากปรึกษาคุณหน่อยค่ะ"
"เรื่องอะไรครับ"
"หนูอาดอยากพูดคำเจ้ากับท่านหญิง"
ท่านดนัยแก้
"คำราชาศัพท์"
"ค่ะ...คำราชาศัพท์..คุณช่วยสอนหนูได้ไหม"
"ความจริงท่านหญิงทรงไม่ถือสาหรอก...พูดสุภาพธรรมดาก็ดีแล้ว แต่ถ้าอยากหาคนสอน ทำไมคุณไม่ไปขอให้คุณสร้อยสอนให้ล่ะ"
สะอาดศรีนิ่วหน้า
"ไม่เอาหรอกค่ะ..คุณสร้อยขี้บ่น หนูกลัวโดนดุ ให้คุณสอนดีกว่า นะคะ"
ท่านดนัยยิ้มๆ
"ก็ได้...ถ้าผมว่างผมจะสอนให้"
สะอาดศรีตาโตดีใจมาก ยิ้มอย่างประจบ
"ขอบคุณค่ะ"
อีกมุมหนึ่งรัตนาวดีกับป้าสร้อยดื่มชาที่วีระสิงห์นำมาให้ วีระสิงห์นั่งมองรัตนาวดีอยู่ห่างๆ ป้าสร้อยสีหน้ายิ้มๆ มองไปที่ท่านดนัยกับสะอาดศรี
"แหม...ท่าทางหนูอาดจะติดใจนายเล็กมากนะเพคะ"
รัตนาวดียิ้มๆ เรื่อยๆ ป้าสร้อยชำเลืองมอง
"หม่อมฉันว่าถ้าสองคนนั่นชอบพอกันก็น่าจะดีนะเพคะ"
รัตนาวดีชะงัก หันมามองป้าสร้อย
"ป้าอยากให้เค้าชอบกันเหรอคะ"
ป้าสร้อยทำเป็นหัวเราะ
"ป้าเห็นนายเล็กเค้าโสดอยู่...ถ้าได้หนูอาดเป็นแฟนก็ดูจะเหมาะสมกันดีนะเพคะ"
"หญิงไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของใครหรอกค่ะ"
รัตนาวดีหันหน้าหนีไปสนใจวิวสวยๆ
"แต่นายเล็กก็เหมือนเป็นคนของเรานะเพคะ...ถ้าจะสนับสนุนให้เค้าได้แฟนดีๆ ป้าก็เห็นด้วย"
"ทำอย่างนั้นท่านดนัยอาจจะไม่โปรดก็ได้นะคะ"
"ป้าคิดว่าท่านดนัยคงไม่ทรงห้ามหรอกเพคะ...นายเล็กก็อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว สมควรจะมีครอบครัวได้แล้วด้วยซ้ำ ท่านพี่อาจจะทรงดีพระทัยก็ได้ถ้าทรงรู้ว่าเราสนับสนุนให้มหาดเล็กของท่านมีคู่"
รัตนาวดีอดหันไปมองท่านดนัยไม่ได้ เห็นสะอาดศรีชวนท่านดนัยพูดคุยอย่างเอาอกเอาใจ
"ดูสิเพคะ...ป้าว่าเค้าสองคนก็สมกันดี"
รัตนาวดีพยายามซ่อนความไม่พอใจ
"ให้เค้าตัดสินใจเองดีกว่าค่ะ.."
เก็จกำง๋งเดินมาหาแบบคนเพิ่งตื่นนอน
"คุณสร้อยคุยอะไรสนุกกับท่านหญิงครับ"
"กำลังนินทาคนอยู่น่ะซิ"
เก็จกำง๋งทำหน้าตกใจ รัตนาวดีฝืนยิ้ม
"ป้าพูดเล่นค่ะ"
"ได้มาทานกาแฟบรรยากาศแบบนี้ น่าจะทำให้กาแฟอร่อยขึ้นมาก"
เก็จกำง๋งนั่งลงข้างๆป้าสร้อย กวักมือเรียกวีระสิงห์
"เชิด ๆ มานั่งนี่ซิ"
"ดูๆ ไปหนูอาดนี่ก็น่ารักดีนะเพคะ"
วีระสิงห์เดินเข้ามานั่งแบบกล้าๆกลัว เพราะรัตนาวดีมองดูอยู่
"เอ้อ..คุณเก็จ..หนูอาดนี่เรียนจบหรือยังจ้ะ"
"จบแปดที่กรุงเทพครับคุณสร้อย...แล้วก็ไปช่วยทำงานที่บ้าน ผู้หญิงเรียนไปก็เท่านั้นละครับ...อีกหน่อยแต่งงานไปก็ต้องนั่งเลี้ยงลูกอยู่บ้านแล้ว"
"แหม..ทีลูกชายละส่งเรียนเมืองนอก"
"ก็...คนรู้จักกันเค้ามีลูกจบนอกกันทั้งนั้นนี่ครับ...ผมก็เลยให้เชิดมาเรียนกะเค้ามั่ง...จะได้ไว้คุยกับเขา"
"แล้วคุณเชิด...เอ้อ...คุณวีระสิงห์เรียนทางด้านไหนคะ"
รัตนาวดีมองหน้า วีระสิงห์ก็ติดอ่างขึ้นมาทันที
"เอ้อ...ร...ร..เรียน..ภาษาครับ"
"ยังไม่ได้ลงคณะเลยครับ...เค้าให้เรียนภาษาให้ได้ก่อน ไม่รู้กี่ปีถึงจะสำเร็จ...แต่จะจบอะไรก็ได้ครับ...ขอให้ได้ชื่อว่าจบนอกก็โก้แล้ว..ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า"
สะอาดศรีกับท่านดนัยเดินมา
"นาย...ให้หนูมาเรียนเมืองนอกบ้างซิ...หนูอยากมา"
"เมื่อก่อนไม่เห็นอยากมาเรียนเลย จะมาเรียนอะไรล่ะ ไปที่มหาวิทยาลัยเดียวกันก็ได้"
สะอาดศรีหันไปยิ้มกับท่านดนัย
"หนูไม่ไปเรียนกับพี่หรอก หนูอยากมาเรียนที่อังกฤษ จะได้ปรึกษาคุณเล็กได้"
สะอาดศรีหันไปยิ้มหวานกับท่านดนัย
"จริงนะนาย...คุณเล็ก...ดีไหมคะ"
ท่านดนัยหน้าเหรอหรา หันไปมองหน้ารัตนาวดีที่ยิ้มๆ ไม่พูดอะไร
อ่านต่อหน้า 2
รัตนาวดี ตอนที่ 13 (ต่อ)
รัตนาวดีกับป้าสร้อยเดินขึ้นมาที่ล็อบบี้ชั้นสองของ Hotel Romantik Wilden Mann ทั้งสองถือถุงเสื้อผ้าที่ซื้อมาจากร้านในเมือง ป้าสร้อยจะเดินขึ้นห้องชั้นบท รัตนาวดีหันกลับไปมอง เหมือนรอใคร
"ท่านหญิงเสด็จบนห้องก่อนดีกว่าเพคะ....นายเล็กคงอยู่ช่วยหนูอาดเลือกเสื้อผ้า....ป้าบอกไว้แล้วว่ากลับมาให้ขึ้นไปเรียก"
ป้าสร้อยลอบถอนใจ ทั้งสองพากันเดินขึ้นข้างบน
รัตนาวดีนั่งเขียนจดหมายอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือในห้องพัก ป้าสร้อยอ่านหนังสืออยู่
"ทรงเขียนจดหมายถึงท่านชายเหรอเพคะ"
รัตนาวดีหันมายิ้ม
"เขียนถึงวิมลค่ะ...อยากให้เขามาเที่ยวด้วย"
ป้าสร้อยหัวเราะ
"โอย...ตอนนี้ก็ไปเที่ยวกันตั้งเจ็ดคนยังปวดเศียรไม่พอหรือเพคะ"
รัตนาวดีทำหน้าแปลกใจ
"อ้าว..หญิงคิดว่าป้าสนุกเสียอีก เพราะป้าเป็นคนอยากให้พวกเก็จกำง๋งร่วมคณะกับเราW
ป้าสร้อยแอบทำหน้าเบื่อ
"สนุกสิเพคะ...หม่อมฉันน่ะกลัวท่านหญิงจะเบื่อ...มองหน้ากันไปก็มีแต่หม่อมฉันกับนายเล็กเท่านั้น"
รัตนาวดียิ้ม
"ความจริงหญิงไม่เบื่อเลยค่ะ...มีความสุขมากกว่าซะด้วยซ้ำ"
มีเสียงเคาะประตู ป้าสร้อยเดินไปเปิด ท่านดนัยยืนอยู่หน้าห้อง
"เข้ามาสินายเล็ก"
ท่านดนัยเดินเข้ามา ป้าสร้อยมองขวางๆ
"หญิงเรียกนายเล็กมาเพราะอยากจะตกลงกันก่อนว่า ต่อไปเราจะไปเที่ยวที่ไหนกันดี""ท่านหญิงประสงค์จะไปเที่ยวเรื่อยๆ เข้าเยอรมัน หรือจะทรงกลับไปที่โลซาน์นก่อนกระหม่อม"
รัตนาวดีนิ่งคิด
"หญิงยังไม่อยากกลับไปที่โลซานน์...ตอนนี้อยากไปเที่ยวเรื่อยๆ"
"ถ้าอย่างนั้นกระหม่อมจะพาท่านหญิงเข้าเยอรมัน จากที่นี่ขับรถไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงเมืองที่ว่ากันว่าเป็นเมืองแห่งปราสาทเทพนิยาย"
รัตนาวดีดีใจ ป้าสร้อยทำหน้าเบื่อ
"ดีจริงนายเล็ก...พรุ่งนี้เราพักวันหนึ่ง แล้ววันรุ่งขึ้นค่อยออกเดินทางกันเลยนะ...นายเล็กไปบอกพวกคณะโน้นเค้าด้วยก็แล้วกัน...ถ้าจะไปด้วยก็ให้เค้าเตรียมตัวเลย แต่ถ้าไม่อยากไปก็ไม่เป็นไร เราก็ไปกันสามคนเหมือนเดิม"
"ก็ให้เค้าไปด้วยก็แล้วกันเพคะ...นายเล็กก็ไปบอกพวกเค้าให้รับรู้ไว้ก่อนก็แล้วกัน"
"ครับคุณสร้อย"
วันใหม่ รัตนาวดีเดินเล่นคนเดียวยามเช้าที่ Chapel Bridge ป้าสร้อย เก็จกำง๋ง วีระสิงห์ สะอาดศรี กินอาหารเช้าในห้องอาหารของโรงแรม ท่านดนัยยืนคอยรัตนาวดี อยู่ที่ห้องโถง ไม่แน่ใจว่ารัตนาวดีอยู่บนห้อง
หรือออกไปเดินเล่นข้างนอก
รัตนาวดีนั่งเรือดูวิวคนเดียว
ป้าสร้อยนั่งอ่านหนังสือไกลบ้านคนเดียวในห้อง
สะอาดศรีลองใส่เสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่...เปลี่ยนหลายชุด...ไม่พอใจ
ผ่านเวลาจนพระอาทิตย์ตกที่ทะเลสาบลูเซิร์น
เก็จกำง๋งคุยกับวีระสิงห์ แบบสบายๆที่ล็อบบี้โรงแรม
รัตนาวดี ป้าสร้อย ท่านดนัย นั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่
ป้าสร้อยบอก
"ร้านขายเสื้อที่นี่สวยไม่แพ้ที่ฝรั่งเศสนะเพคะ"
"เรียบๆ ดี เนื้อผ้าก็ดี ป้าว่าชุดนี้สวยไหมคะ"
"สีสวยดีจริงเพคะ...เหมาะกับท่านหญิงมากเลยเพคะ"
ท่านดนัยมองอย่างเห็นด้วยจนรัตนาวดีรู้สึกเขิน ป้าสร้อยเห็นสายตาท่านดนัยจนได้ สะอาดศรีเดินเข้ามาในร้าน รีบวิ่งมาหาท่านดนัย
"คุณเล็กอยู่นี่เอง..หนูหาแทบแย่...โอ้..ท่านหญิงใส่เสื้อที่เพิ่งซื้อเลยหรือคะ"
รัตนาวดีหันมายิ้ม
"ใช้จ้ะ..สวยไหมล่ะ"
"เอ...อย่างนี้สวยเหรอคะ...ดูจืดๆ คุณเล็กว่าสวยไหมคะ"
"สวยมากครับ"
"ถ้าคุณเล็กว่าสวย หนูอาดก็จะซื้อแบบนี้เพิ่มค่ะ...คุณป้าคะ ชุดอย่างนี้มีอีกไหมคะ"
"มีเยอะแยะไปจ้ะ...แล้วพ่อกับพี่ชายเราละ...ไม่ลงมากินข้าวเช้ากันหรือไง"
"กำลังเก็บของเตรียมเดินทางค่ะ"
ภายในรถ ระหว่างทางไปเยอรมัน รัตนาวดีมองสองข้างทางด้วยสีหน้ามีความสุข ท่านดนับแอบมองทางกระจกหลัง แต่ก็มีหน้าของป้าสร้อยค่อยๆ ยื่นเข้ามามองด้วย ทำให้ท่านดนัยตกใจหลบตาแทบไม่ทัน
"นี่นายเล็กพอรู้มั้ยว่าระหว่างปราสาทของเยอรมันกับปราสาทของฝรั่งเศสที่ไปดูมา มันจะแตกต่างกันอย่างไร"
ท่านดนัยอธิบายความแตกต่างๆ
รัตนาวดีกับป้าสร้อยตั้งใจฟัง
"ดีจัง...แต่ไม่รู้พวกโน้นเค้าจะชอบดูปราสาทอย่างฉันหรือเปล่า"
"กระหม่อมก็คิดอยู่เหมือนกัน...แต่ปราสาทที่เราจะไปนี่มีคนนิยมมาเที่ยวกันมาก เพราะเป็นปราสาทที่สวยมาก กระหม่อม...คณะโน้นก็คงจะชอบ"
ป้าสร้อยมองทั้งสองคุยกัน
"นี่ถ้ามีหนูอาดนั่งมาด้วยก็คงดีนะเพคะ...จะได้มีคนมาคุยเพิ่ม"
รัตนาวดีหันมามองป้าสร้อยอย่างคิดไม่ถึง
"ป้าพูดจริงๆ หรือคะ...แต่หญิงคงต้องขอไว้..หญิงอยากเป็นส่วนตัวบ้าง บนรถตัวเองก็ยังดี"
"หม่อมฉันก็แล้วแต่ท่านหญิงเพคะ...หม่อมฉันแนะนำเพราะอยากให้ท่านมีเพื่อนคุยเล่นบ้าง"
"เราก็มีเวลาเดินคุยเล่นกับพวกเค้าตลอดแล้วนี่คะ...หญิงอยากนั่งดูอะไรเงียบๆ บ้างค่ะ."
ป้าสร้อยเงียบไป ท่านดนัยแอบยิ้ม
ภายในรถ วีระสิงห์นั่งด้านหน้าคู่กับคนขับรถ เก็จกำง๋งกับสะอาดศรีนั่งเบาะหลัง วีระสิงห์กับเก็จกำง๋งนั่งหลับ...สะอาดศรีนั่งมองไปด้านหน้าเหมือนพยายามมองท่านดนัย...
"นายทวีขับให้มันติดๆ รถท่านหญิงหน่อยซิ ห่างกันอย่างนี้จะมองเห็นใคร"
รถสองคันวิ่งตามกันในบรรยากาศที่สวยงาม .....บางครั้งวิ่งห่างกัน บางครั้งคันหลังตามมาจี้ใกล้ๆ
มุมสวยๆ ในลอนดอน วิมลนั่งอ่านจดหมายของรัตนาวดี นพนั่งทานกาแฟอยู่ด้วย
"แหม...นายเล็กนี่เสน่ห์แรงจริงๆ นะ"
"นายเล็กมหาดเล็กของท่านดนัยน่ะเหรอ"
วิมลพับจดหมาย
"ค่ะ...ท่านหญิงทรงเล่ามาในจดหมายว่า ตอนนี้มีคณะคนไทยสามคน เป็นพ่อลูกกันมาร่วมคณะเดินทางกับท่าน"
"ก็ดีน่ะซิท่านจะได้ไม่เหงา...หรือไม่ก็อาจจะ...รำคาญ"
"ท่านยังไม่ได้ทรงบ่นอะไร นอกจากทรงเล่าว่าลูกสาวคนไทยที่ไปกับท่านมาติดอกติดใจนายเล็กมาก"
นพหัวเราะ
"นายเล็กเนี่ยะนะ...คุณเคยเห็นนายเล็กหรือเปล่าล่ะ"
วิมลทำท่าคิด
"ไม่แน่ใจ...จำได้ว่าเคยไปช่วยงานที่สถานทูตอยู่ครั้งหนึ่ง แต่ไม่แน่ใจว่าคนที่เจอคือนายเล็กหรือเปล่า...แหม..สาวคนไทยที่มาติดใจนายเล็กนี่ทรงเล่าว่าพ่อเขาเป็นเศรษฐีทางเหนือเชียวนา"
นพหัวเราะมากขึ้น
"โอ้โห...นายเล็กก็จะเป็นหนูตกถึงข้าวสารละซิ"
วิมลพลอยหัวเราะไปด้วย
"อยากเห็นหน้านายเล็กที่ว่านี่ซะแล้วซิ"
วิมลหัวเราะกับนพด้วย
อ่านต่อหน้า 3
รัตนาวดี ตอนที่ 13 (ต่อ)
คณะทั้งหมดเดินจากลานจอดรถไปที่ Hotel Scholl ท่านดนัยถือกระเป๋าเดินทางให้ป้าสร้อยกับรัตนาวดี
ทวีถือกระเป๋าเดินทางใหสะอาดศรีกับเก็จกำง๋ง วีระสิงห์ถือของตัวเอง เห็นวิวปราสาทโฮเฮ็นชวานเกา อยู่บนเนินเขาเหนือโรงแรม
"นายเล็ก...นั่นใช่ไหมปราสาทที่เราจะมาดู"
"กระหม่อม"
"ชื่อปราสาทอะไรจ้ะ"
"ปราสาท โฮเฮ็นชวานเกาครับ"
"เกาอะไรนะนายเล็ก"
"วานให้เกาอะไรนี่ละครับคุณสร้อย" เก็จกำง๋งบอก
รัตนาวดีอดขำไม่ได้
"โฮเฮ็นชวานเกาครับ...แปลว่า ดินแดนสูงสำหรับหงส์"
สะอาดศรีตบมือประทับใจ
"ชื่อเพราะจังเลยค่ะคุณเล็ก...คุณเล็กรู้ภาษาเยอรมันด้วยเหรอคะ"
"คุณเล็กของหนูอาดน่ะพูดได้หลายภาษาจ้ะ...เก่งมากใช่ไหม"
สะอาดศรีทำหน้าซาบซึ้ง
"เก่งมากที่สุดค่ะป้าสร้อย..แล้วเราจะเข้าไปดูเลยไหมคะ"
"ต้องพรุ่งนี้เค้าถึงจะเปิดให้เราเข้าไปดูครับ"
ท่านดนัยพาทุกคนเข้าไปในโรงแรม
ทุกคนกำลังทานอาหารในร้านอาหารใกล้โรงแรม (โรงม้าเก่า) เก็จกำง๋งชูเบียร์แก้วใหญ่ขึ้นชูให้รัตนาวดี
"ขอดื่มให้ท่านหญิง ที่อนุญาตให้ผมกับลูกๆได้ตามมาเที่ยวอย่างมีความสุขอย่างนี้"
รัตนาวดียกแก้วไวน์ขึ้นชนกับเก็จกำง๋ง คนอื่นๆ ก็ยกแก้วของตัวเองขึ้นชนด้วยกันอย่างสนุกสนาน
"ด้วยความยินดี"
"กระผมจึงขออนุญาตท่านหญิงให้เกียรติกระผมได้เป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารมื้อนี้"
รัตนาวดียิ้ม
"ด้วยความยินดี...แต่ไม่ต้องหรอกค่ะ เราแชร์กันก็ดีแล้ว"
เก็จกำง๋งก้มหัว
"แล้วแต่ท่านหญิง"
"ท่านหญิงจะลองเสวยขาหมูเยอรมันไหมกระหม่อม"
"น่าสนใจนะ"
"เยอรมันมีขาหมูด้วยเหรอนายเล็ก...เค้าทำยังไง"
"เค้าทอดครับ..ผมจะสั่งมาให้ลองชิม"
ท่านดนัยเรียกบ๋อย..มาสั่งอาหาร
"ชวายเนอร์ ฮักเซอ"
"หยา"
บ๋อยเดินไป เก็จกำง๋งทำหน้างง
"คุณเล็ก...ภาษาเยอรมันมีฮักเธอ..ฮักเน้อด้วยเหรอ คล้ายๆ ภาษาบ้านผมเลย"
รัตนาวดีหัวเราะ ป้าสร้อยหัวเราะเสียงดังกว่าใคร
"คุณเก็จ...ช่างเปรียบเทียบจริงๆ นะ..ภาษาอะไรก็แปลงเป็นภาษาไทยได้หมด..นี่มาไทยเหนืออีกเหรอนี่"
ท่านดนัยหันมาหัวเราะกับรัตนาวดี สะอาดศรีที่นั่งติดท่านดนัยอีกด้านหนึ่งรีบดึงแขนท่านดนัยไว้
"หนูจะสอนภาษาเหนือให้คุณเล็กด้วยเอาไหมคะ... คุณเล็กพูดภาษาฝรั่งเก่ง...ดูซิจะพูดภาษาบ้านหนูได้ไหม"
ท่านดนัยอดยิ้มไม่ได้...ป้าสร้อยมองสะอาดศรีกับท่านดนัยอย่างพึงพอใจ..เก็จกำง๋งยกแก้วเบียร์ชนกับป้าสร้อยและรัตนาวดีกับท่านดนัย บ๋อยเอาขาหมูกับไส้กรอกมาเสริฟ ทุกคนมองอย่างพอใจ ทุกคนทานอาหารอย่างสนุกสนาน
ทั้งหมดเดินขึ้นปราสาทโฮเฮ็นชวานเกาจนถึงลานด้านบนในยามเช้า บริเวณเก้าอี้นั่งลานน้ำพุ
ท่านหญิงรัตนาวดีนั่งที่เก้าอี้กับป้าสร้อย เก็จกำง๋งยืนเอาผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อเพราะเดินขึ้นเขาสูง อยู่ข้างๆ วีระสิงห์ สะอาดศรียืนใกล้ท่านดนัย
"ปราสาทโฮเฮ็นชวานเกา สร้างเป็นพระราชวังฤดูร้อนของพระเจ้าแม็กซิมิเลียน ตัวปราสาทจริงๆ แล้วสร้างบนซากปราสาทเก่าของพวกอัศวิน"
"เยอรมันก็มีอัศวินเหรอครับ" วีระสิงห์ถาม
"ยุโรปโบราณมีอัศวินทั้งนั้นครับ"
"พวกนี้สร้างปราสาทเก่งนะ"
"แล้วเค้ามาอยู่แค่หน้าร้อนเองเหรอ" ป้าสร้อยถาม
"สมัยนั้นรอบๆ บริเวณนี้เป็นป่าและมีสัตว์ป่ามากมาย พระเจ้าแม็กซิมิเลียนใช้เป็นที่ประทับในหน้าร้อน และทรงชอบออกไปล่าสัตว์แถวๆ นี้...หลังพระองค์สิ้นพระชนม์ พระราชโอรสองค์โตก็ขึ้นปกครองต่อ"
ท่านหญิงรัตนาวดีมองไปอีกทางหนึ่ง เห็นปราสาทสวยอีกหลังหนึ่งไกลๆ
"แล้วโน่นล่ะนายเล็ก...ปราสาทอะไร"
ท่านดนัยยิ้ม
"ปราสาทนั่น เป็นปราสาทอีกหลังที่กระหม่อมตั้งใจจะพาท่านหญิงมาทอดพระเนตร"
รัตนาวดีมองอย่างพอใจ
"สวยจัง"
"ปราสาทนอยชวานสไตน์ กระหม่อม...สร้างโดยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 พระโอรสองค์โตที่กระหม่อมกล่าวถึง"
สะอาดศรีบอก "แปลว่าปราสาทหลังนี้เป็นปราสาทของพ่อ ส่วนปราสาทหลังโน้นเป็นปราสาทของลูก"
"หญิงมองไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องสร้างปราสาทใหญ่ๆ เช่นนี้ไว้ใกล้ๆกันเลย"
"มีประวัติมากมายที่กระหม่อมจะเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับปราสาทนอยชวานสไตล์"
ไกด์อธิบายความเป็นมาของห้องที่เข้าชมอยู่ ท่านดนัยจะแปลให้คณะฟังหลังจากที่ไกด์บรรยายจบ สะอาดศรีสนใจที่ท่านดนัยอธิบายเหลือเกิน
"ห้องอาหารของพระเจ้าแผ่นดินและพระราชินี...เราจะเห็นสัญลักษณ์ของพระองค์ได้จากรูปปั้นด้านบน...ที่ประทับของพระราชาจะมีรูปสิงโตอยู่ด้านบน....ที่ประทับของพระราชินีจะมีรูปนกเหยี่ยวอยู่ด้านบน"
ทุกคนตั้งใจฟัง
"เปียโนนี้นำมาจากเมืองเบอร์ลิน เพราะพระราชินีทรงโปรดการเล่นเปียโนมาก"
ทั้งหมดเข้ามาดูในห้องนอนพระราชินี เห็นบันไดลับที่จะเป็นทางขึ้นลงระหว่างพระราชากับพระราชินี
"พระราชินีมารีทรงรักปราสาทนี้มาก หลังจากที่พระสวามีสิ้นพระชนม์ นางก็ยังคงใช้ชีวิตที่นี่จนวาระสุดท้าย....ว่ากันว่าพระนางสิ้นพระชนม์ที่เตียงที่วางอยู่ในห้องบรรทม"
ทั้งคณะเดินเข้ามา ท่านดนัยพาทั้งหมดไปยืนดูภาพวาดขนาดใหญ่ ไกด์อธิบาย
"ท่านหญิงลองทอดเนตรดูว่ามีอะไรที่ขาดหายไปในภาพนี้กระหม่อม"
ทุกคนจ้องมองภาพวาด...แต่จนปัญญา ทุกคนแสดงออกว่าไม่รู้
"เลือด...เลือด..ที่หายไปจากภาพวาด"
"เค้าลบเลือดออกไปหรือครับ" วีระสิงห์ถาม
ท่านดนัยมองหน้ารัตนาวดีเหมือนอยากฟังคำตอบ...รัตนาวดีสั่นหน้าไม่รู้
"ในช่วงเวลาของการวาดภาพนี้เป็นช่วงเวลาที่ไม่มีการแสดงออกของความรุนแรง ความดุดัน หรือความสมจริง"
ท่านดนัยพาทั้งหมดเข้ามาในห้องบรรทมของพระราชา
"จะเห็นว่าห้องของพระราชาจะตบแต่งธรรมดามากๆ ไม่หรูหราหรือฟุ่มเฟือย พระองค์ชอบธรรมชาติ เราจะดูได้จากเตียงนอนของพระองค์ที่บนเพดานจะมีการวาดภาพและใช้เทคนิคการตกแต่งสี ที่เมื่อโดนแสงไฟกระทบจะทำให้ดูเหมือนเห็นดาวบนท้องฟ้า"
"เตียงนี้เป็นของพระราชา สำหรับนอนเหยียดขาเวลาทรงอ่านหนังสือ ส่วนโคมไฟที่ทำจากหินที่ชื่อว่า Arabica Stone จากประเทศอียิปต์ ที่ถ้าดับไฟจะเห็นเป็นหินสีชมพูอ่อนๆ แต่เมื่อเปิดไฟจะเป็นสีแดงเข็ม"
ท่านดนัยกับรัตนาวดีออกมายืนที่ระเบียงด้านนอก มองเห็นวิวสวยงาม..มองเห็นปราสาทนอยชวานสไตล์อยู่ไกลๆ
"มองมุมไหนก็สวยเหลือเกิน"
ท่านดนัยยืนมองรัตนาวดีจากด้านหลัง
"กระหม่อม"
"นายเล็กบอกว่ามีประวัติมากมายเกี่ยวกับเจ้าของปราสาทนั้นใช่มั้ยจ๊ะ"
"กระหม่อม"
"เป็นเรื่องที่ดีหรือเป็นเรื่องเศร้าละ"
"กระหม่อมว่ามันเป็นเรื่องของความฝันของศิลปินพระองค์หนึ่งที่จบลงด้วยเรื่องเศร้าW
"ไหนลองเล่าให้หญิงฟังหน่อยซิค่ะ"
วีระสิงห์เดินนำเก็จกำง๋ง ป้าสร้อย สะอาดศรีลงจากปราสาท เมื่อออกมาจากปราสาท ป้าสร้อยผิดสังเกตหันกลับไปมองไม่เห็นรัตนาวดีกับท่านดนัยออกมาด้วย
"แล้วท่านหญิงกับนายเล็กทำไมไม่ตามออกมา"
"หนูอาดก็เห็นว่าเดินตามกันลงมา ยังนึกว่าเดินล่วงหน้าออกไปแล้ว"
สะอาดศรีหันไปถามวีระสิงห์
"พี่เชิดเห็นท่านหญิงกับคุณเล็กออกมาก่อนหรือเปล่า"
"พี่เดินนำหน้ามากับนาย ยังไม่เห็นใครแซงไปเลย"
"เราไปนั่งคอยตรงนั้นก่อนดีกว่า เดี๋ยวคงเดินตามลงมา"
ป้าสร้อยสีหน้าไม่สบายใจ
อ่านต่อหน้า 4
รัตนาวดี ตอนที่ 13 (ต่อ)
ท่านดนัย และหม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดีใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น
"พระเจ้าลุดวิกที่ 2 ทรงโปรดศิลปะ และ บทกวีมาก พระองค์ได้สร้างปราสาทที่เหนือจินตนาการได้มากกว่าปราสาทอื่นใด มีความโดดเด่นทั้งในรูปแบบและที่ตั้ง ถือเป็นปราสาทที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ปราสาทนี้แวดล้อมด้วยธรรมชาติและทิวทัศน์ของป่าเขาลำเนาไพรที่สวยงาม และมีสีสันที่เปลี่ยนแปลงแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล"
ท่านดนัยพูดจบจะเห็นรัตนาวดีจ้องมองวิวอย่างลืมตัว ท่านดนัยมอง...และแตะไปที่ข้อศอก รัตนาวดีรู้สึกตัว
"ป้าสร้อยจะคอยนานแล้วกระหม่อม"
รัตนาวดียิ้มๆ
"อยากจะจดจำภาพสวยๆ พวกนี้ให้มันอยู่กับฉันไปอีกนานแสนนาน"
"ฝ่าบาทยังจะได้เสด็จมาอีกแน่ๆ กระหม่อม"
รัตนาวดีสีหน้านิ่งไป
"คงไม่หรอก จะมาใช้เงินมากมายอย่างนี้อีกก็เกรงทัยเจ้าพี่"
"กระหม่อมคิดว่าฝ่าบาทคงจะเสด็จได้โดยไม่ต้องทรงรบกวนท่านพจน์"
รัตนาวดีมองหน้าท่านดนัย
"ยังไงล่ะ...เงินเดือนฉันคงไม่มากพอที่จะเที่ยวได้อย่างนี้หรอก แต่ก็ขอบใจนะ คำพูดของเธอฉันถือว่าเป็นคำอวยพรก็แล้วกัน"
ท่านดนัยยิ้มให้รัตนาวดีอย่างพอใจมากจนรัตนาวดีต้องหันหน้าหนี
ทั้งหมดเดินเล่นมาริมทะเลสาบ Schwansee ที่สวยงาม มองเห็นปราสาทโฮเฮ็นชวานเกา และปราสาทนอยชวานสไตล์อยู่เบื้องหน้าไกลๆ ท่านดนัยคอยแอบมองรัตนาวดี รัตนาวดีสีหน้ามีความสุข ป้าสร้อยมองท่านดนัยแล้วสีหน้าเป็นทุกข์ สะอาดศรีก็คอยแต่จะส่งยิ้ม ท่านดนัยถือตะกร้าปิคนิคมาด้วย
ทั้งหมดนั่งล้อมวงทานขนมปังไส้กรอก หรือแซนวิส อยู่ที่สนามหญ้า Schwansee อย่างสบายอารมณ์ป้าสร้อยบอก"แหม...นับถือคนที่สร้างปราสาทนี่จริงๆ"
"นั่นสิครับ...กว่าจะขนหินขนดินขึ้นไปสร้างบนนั้นนี่ผมว่า คงยากลำบากแสนสาหัส" เก็จกำง๋งบอก
"ปราสาทนอยชวานสไตค์ ใช้เวลาสร้างมากกว่าปราสาทโฮเฮ็นชวานเกา...ใช้เวลามากกว่า...ใช้คนมากกว่า" ดนัยบอก
"น่าจะใช้เงินมากกว่าด้วย"
"ประชาชนในยุคนั้นก็เลยไม่พอใจที่พระเจ้าลุดวิกใช้เงินมากมายไปกับความสุขส่วนตัว ...อาจเป็นเพราะทรงครองราชย์ตั้งแต่พระชนน์แค่ 19 ชันษา และทรงชอบสันโดษ คลั่งใคล้งานศิลปะเป็นอย่างมากจนทำให้ถูกกล่าวหาว่าไม่ทรงมีความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง"
"มัวแต่หลงกับความชอบของตัวเองมากไป"" เก็จกำง๋งบอก
"ดูเหมือนผมเคยอ่านเรื่องของท่าน...ตอนหลังถูกประท้วงด้วย ใช่ไหมครับ" วีระสิงห์ว่า
"พวกขุนนางพากันนินทาว่าทรงเสียสติ เพราะใช้จ่ายจนประเทศเป็นหนี้สินมากมาย...ใช้จ่ายภาษีของประชาชนอย่างฟุ่มเฟือย รัฐบาลกับประชาชนสรุปข้อหาใหhพระองค์ว่าทรงเป็นบ้า"
สะอาดศรีทำหน้ารันทด
"โธ่..น่าสงสาร"
"แปลว่าทรงถูกให้ออกจากราชบัลลังก์"
ท่านดนัยบอก
"กระหม่อม...พระองค์ถูกอัญเชิญลงจากบัลลังก์กษัตริย์ด้วยเหตุผลว่า บ้า ไม่มีทางรักษาหาย จึงไม่สมควรปกครองบ้านเมืองต่อไป แต่เพียงแค่หนึ่งวันหลังจากที่ทรงโดนปลดจากการเป็นกษัตริย์ ก็มีคนพบว่าพระเจ้าลุดวิกที่ 2 ทรงจมน้ำสิ้นพระชนน์"
ป้าสร้อยตกใจ
"ตายจริง...เอากันถึงตายเชียวเหรอ" สร้อยว่า
"เท่ากับเค้าพิสูจน์ไม่ได้ใช่ไหมนายเล็กว่าทรงสิ้นพระชนน์อย่างไร"
"เป็นปริศนาจนทุกวันนี้กระหม่อม"
รัตนาวดีหันไปมองปราสาทนอยชวานสไตค์ที่อยู่ห่างออกไปนั้น
ท่านดนัยเดินลงมาจากชั้นบน ไปเคาะห้องพักของรัตนาวดี....ป้าสร้อยปิดประตูออกมาท่าทางเหมือนไม่ค่อยสบาย
"คุณสร้อยไม่สบายหรือเปล่า"
"ไม่เป็นอะไรมากนักหรอกนายเล็ก...วันนี้พาเดินหนักไปหน่อยมันเลยเพลียๆ"
"ผมจะมาถามว่าเย็นนี้ท่านหญิงกับคุณสร้อยอยากรับประทานอาหารแบบไหนครับ"
"นายเล็กพาคุณเก็จกับลูกๆ ไปกับท่านหญิงก็แล้วกัน มื้อเย็นนี้ป้าขอพักดีกว่า"
"ทูลท่านหญิงว่าผมจะมารอเวลาทุ่มนะครับ"
"นายเล็กไปทูลท่านเองแล้วกัน...เห็นบอกว่าจะไปเดินเล่นริมทะเลสาบ"
"คุณสร้อยจะทานซุปสักนิดก่อนมั้ยครับ"
"ไม่เป็นไรจ๊ะ...ขอบใจมาก"
ป้าสร้อยปิดประตูห้องพัก
ท่านหญิงรัตนาวดียืนมองทะเลสาบ Alpseeด้วยสีหน้าสงบ วิวรอบๆ ทะเลสาปที่สวยงาม
ท่านดนัยเดินมาแอบยืนมองรัตนาวดี กับวิวที่สวยงามนั้น ท่านดนัยมองรัตนาวดีอย่างรักมากตัดสินใจค่อยๆ เดินไปหา รัตนาวดีได้ยินเสียงหันมามอง พอเห็นเป็นท่านดนัยก็ยิ้มให้
"กระหม่อมตามหาฝ่าบาทแทบแย่...แอบเสด็จมาอยู่ที่นี่เอง"
"แล้วตามหาหญิงทำไม"
"ป้าสร้อยบอกให้กระหม่อมพาท่านหญิงไปเสวยกับคณะคุณเก็จกำง๋งได้เลย....เย็นนี้ป้าสร้อยขอตัวนอนพักก่อน"
"ฉันมีเรื่องอยากบอกนายเล็กพอดี"
ท่านดนัยก้าวเข้ามาใกล้ ตามองรัตนาวดีอย่างรู้สึกผิด
"กระหม่อมก็มีเรื่องอยากทูลท่านหญิง"
รัตนาวดียิ้มสนุก
ท่านดนัยนิ่งฟัง รัตนาวดีถอนใจตัดสินใจ
"นายเล็ก...ฉัน..ฉัน เบื่อคณะเก็จกำง๋ง...เบื่อที่จะต้องเอา 7 หารทุกครั้งที่กินเสร็จ ฉันอยากไปกินอาหารเยอรมันพื้นเมืองแท้ๆ อยากไปกินง่ายๆ สบายๆ นายเล็กพาฉันไปได้มั้ย"
ท่านดนัยยิ้ม
"เห็นจะได้กระหม่อม"
รัตนาวดีตาเขียว
"เห็นจะได้...หมายความว่ายังไง"
"หมายความว่า...เห็นจะพอหาได้กระหม่อม"
ท่านดนัยตอบหน้าตาเฉย รัตนาวดียิ้มพยายามไม่ดีใจมาก รัตนาวดีเดินเล่น ท่านดนัยเดินตาม
"ความสวยงามของที่นี่ต่างกับทางประเทศสวิสมากเลยนะนายเล็ก"
"ถ้าให้ท่านหญิงเปรียบเทียบระหว่างสองประเทศนี้ ท่านหญิงจะเปรียบเทียบอย่างไร"
รัตนาวดีนิ่งคิดพักหนึ่ง
"หญิงว่าความสวยงามของสวิสเปรียบเหมือนความสดใสความน่ารักของหนุ่มสาว ที่ยังกระตือรือล้น กระฉับกระเฉง ส่วนของที่นี้เป็นความสวยงามแบบลุ่มลึก นิ่งเรียบ.." รัตนาวดีพยายามนึกต่อ...
ท่านดนัยมองรัตนาวดีอย่างสุดรัก....จะเห็นทั้งสองเดินไปตามริมทะเลสาบ
ท่านหญิงรัตนาวดีนั่งทานอาหารกับท่านดนัย รัตนาวดีแต่งตัวสวย ติดเข็มกลัดเพชรรูปเกือกม้าอันเล็กๆ ดูสวยสง่า ท่านดนัยแอบมองรัตนาวดีบ่อยๆ รัตนาวดีก็แอบมองท่านดนัยที่แต่ตัวเท่ห์เหมือนกัน มีดนตรีพื้นเมืองเล่นเบาๆ มีเทียนจุดที่โต๊ะอาหาร บ๋อยเก็บอาหารที่ทานเสร็จแล้วออกไป รัตนาวดีชูแก้วไวน์ชนกับท่านดนัย ให้เห็นแววตาท่านดนัยที่มองรัตนาวดีอย่างรักมาก จนรัตนาวดีต้องหลบตา มีหญิงพื้นเมืองถือตะกร้าดอกไม้มาขาย ท่านดนัยซื้อดอกกุหลาบแดงให้ รัตนาวดียิ้มดีใจ แล้วเลยซื้อช่อดอกไวโอเลตให้ท่านดนัย ท่านดนัยรับมาแล้วเอามาปักไว้ที่กระเป๋าสูท รัตนาวดีมองแล้วก็ยิ้มอ่อนโยน
"Roses red, Violet Blue"
ท่านดนัยลืมตัว ต่อกลอนกลับไปด้วยสายตาซึ่งหวาน
"Honey’ s sweet and so are you"
รัตนาวดีอายหน้าแดง เสมองไปที่อื่น ท่านดนัยโกรธตัวเองที่พลาดไปอีกแล้ว รัตนาวดีไม่กล้ามองท่านดนัย จึงแก้เขินด้วยการเอาดอกกุหลาบขึ้นมาดม แต่หนามที่ดอกกุหลาบตำมือเอา จนสะดุ้ง
"อุ้ย..."
ท่านดนัยรีบหันไปมอง เห็นที่นิ้วของรัตนาวดีมีเลือดอยู่นิดหนึ่ง จึงรีบคว้ามือรัตนาวดีมาดู แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเลือดที่นิ้ว รัตนาวดีพยายามดึงมือออกไปทำตาเขียวหน่อยๆ ท่านดนัยก้มหัวให้นิดหนึ่ง
"ไม่เป็นไร...นิดเดียวเท่านั้น"
"ขอประทานอภ้ย...กระหม่อมกลัวปลายหนามกุหลาบยังฝังอยู่จะทำให้ทรงปวดได้ หม่อมตกใจที่เห็นฝ่าบาทเลือดออก"
รัตนาวดีหันหน้าหนีเพราะไม่อยากให้ท่านดนัยเห็นสีหน้าที่หวั่นไหว
"ท่านหญิงยังไม่ได้ทานของหวาน"
"อ้อ..จริงด้วย...ไหนนายเล็กว่ามีทาร์ตผลไม้กวนแบบออสเตรียอย่างไรล่ะ"
"อ้อ..Linzer torte กระหม่อมจะสั่งถวายเดี๋ยวนี้"
ท่านดนัยเรียกบ๋อยจะสั่งขนม รัตนาวดีมองท่านดนัย ว้าวุ่นใจ
รัตนาวดีถือดอกกุหลาบเดินมาตามทางเดินหน้าห้องพัก ท่านดนัยเดินตามด้วยสีหน้ามีความสุข พอถึงห้องพัก รัตนาวดีเคาะประตูห้อง สักครู่ป้าสร้อยเดินมาเปิด พอเห็นรัตนาวดีก็ทำหน้าดุ
"ตายจริงท่านหญิง...เสด็จไปไหนมาเพคะ"
ป้าสร้อยจะออกไปเอาเรื่องท่านดนัย รัตนาวดีไม่ตอบเดินเข้าห้องไป พูดโดยไม่หันมามองท่านดนัย
"ขอบใจมากนายเล็ก Good night"
รัตนาวดีปิดประตูดังปังโดยไม่หันมามองท่านดนัย ปล่อยให้ท่านดนัยยืนเก้อ
รัตนาวดีเดินเข้ามาในห้อง สีหน้าว้าวุ่นใจ ป้าสร้อยยังเดินตามต่อว่าไม่เลิก
"จะเสด็จออกไปก็น่าจะรับสั่งไว้บ้าง... ทรงรู้ไหมว่าเสด็จกับนายเล็กสองคนมันไม่เหมาะ."
รัตนาวดีวางดอกไม้ไว้ที่โต๊ะ สีหน้าเศร้า มองเหม่อออกไปด้านนอก ไม่ได้สนใจที่ป้าสร้อยพูด
เวลาต่อเนื่อง ท่านดนัยนั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศอันสงบของทะเลสาบ....นึกถึงรัตนาวดีที่ทรงหลงรัก
นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น....
ฝ่ายท่านหญิงรัตนาวดียืนหน้าเศร้าที่ระเบียงห้องพัก นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้จะฝืนความรู้สึกตัวเองอย่างเต็มที่...น้ำตาไหลออกมา รัตนาวดีเดินเข้าไปที่โต๊ะ และเริ่มเขียนจดหมาย... ส่วนป้าสร้อยนอนหลับอยู่บนเตียง
ปริศนานั่งอ่านจดหมายรัตนาวดี
"หมู่นี้หญิงเที่ยวไม่ค่อยสนุก ใจมันจะกลับไปตั้งหลักแหล่งอยู่กับป้าที่โลซาน์นเสียเรื่อย อยากจะส่งรถกลับคืนท่านดนัยไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด บางทีหญิงอาจจะต้องกลับไปโลซาน์นเร็วกว่ากำหนด จะได้จบเรื่อง การท่องเที่ยวทางรถยนต์กันเสียที"
ประวิชนั่งมองเห็นปริศนามีสีหน้ายุ่งยากใจ
"ท่านหญิงทรงมีปัญหาอะไรเหรอปริศนา อ่านจดหมายท่านแล้วถึงได้ทำหน้ายุ่งอย่างนั้น"
"ปริศนาสงสารท่านหญิงประวิช ท่านกำลังสับสนมาก"
"สับสนเรื่องอะไร"
"ท่านกำลังโกรธองค์เอง...เพราะไปหลงรักนายเล็กผู้ต่ำต้อยน่ะซิ"
ประวิชสีหน้าครุ่นคิด ปริศนาหันไปมอง
"คิดว่าประวิชจะหัวเราะท่านหญิงเสียอีก"
"โธ่ ปริศนา...ผมก็เลี้ยงท่านหญิงมาแต่ท่านทรงพระเยาว์นะ...รู้ว่าท่านทุกข์จะมาขำท่านได้ยังไง...แล้วท่านพจน์ทรงเห็นด้วยหรือเปล่า ถ้าท่านหญิง กับ ท่านดนัยจะทรงชอบพอกัน"
ปริศนาครุ่นคิด
"ท่านยังไม่ออกความเห็น ทรงกลัวว่าท่านหญิงจะทรงหวือหวาแบบสาววัยรุ่น"
"ท่านหญิงน่ะ เป็นผู้ใหญ่เกินองค์ตั้งนานแล้ว...ทรงเป็นผู้หญิงใจแข็ง ไม่ได้ทรงชอบใครง่ายๆ"
"ถ้าหากทรงชอบท่านดนัยจริงๆ...จะทรงมีความทุกข์มาก"
ปริศนาหนักใจ...
อ่านต่อตอนที่ 14