ศูนย์ข่าวศรีราชา- “หนูเรือ” สนิท บุญมาฉาย สม.พัทยา ระบุต้องเร่งจัดทำระบบเดินเรือข้ามฟากเกาะล้านหลังเกิดอุบัติเหตุทางทะเลบ่อยครั้ง ย้ำทุกฝ่ายต้องร่วมมือแก้ไข และอยู่ในกรอบที่กำหนดเพราะปัญหาเกิดจากความประมาท
นายสนิท บุญมาฉาย สมาชิกสภาเมืองพัทยา ในฐานะประธานชมรมเรือท่องเที่ยวเมืองพัทยา กล่าวถึงความคืบหน้าแนวทาง และมาตรการการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางทะเลในพื้นที่เมืองพัทยา หลังมีกรณีที่ผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวขับเรือพุ่งเข้าชนกัน 2 รายติดในระยะเวลา 2 วันส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวว่า หลังเกิดกรณีดังกล่าวเมืองพัทยาก็ได้ร่วมกับกรมเจ้าท่า ในการประชุมร่วมผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวทุกชนิดเพื่อชี้แจงแนวทาง และมาตรการแก้ไขที่เข้มงวด พร้อมมีข้อเสนอที่จะดำเนินการจัดทำทุ่นกำหนดแนวการเดินเรือข้ามฟากระหว่างเกาะล้าน และเมืองพัทยาเป็นการชั่วคราวในช่วงของการรองบประมาณจากกรมเท่าเจ้าเพื่อจัดทำแผนความปลอดภัยทางทะเลในโครงการนำร่องอย่าง “พัทยาโมเดล” เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในระยะสั้น และระยะกลาง ซึ่งคาดว่าคงจะดำเนินการแล้วเสร็จใน 2 วัน หรือประมาณวันที่ 6 พฤษภาคมนี้
นายสนิท กล่าวว่า แผนงานดังกล่าวจะมีการจัดหาทุ่นจำนวนกว่า 60 ลูก เพื่อมาติดตั้ง และวางแนวของพื้นที่ประกอบการ รวมทั้งแนวทางเดินเรือทั้งฝั่งขาเข้า และขาออกจากเกาะล้าน เพื่อป้องกันปัญหาเรือเฉี่ยวชนกัน โดยจะมีการวางแนวทุ่นบริเวณหน้าหาดตายาย และหาดทองหลาง เพื่อกำหนดพื้นที่สันทนาการสำหรับเรือ “ซีวอล์กเกอร์” รวมทั้งการจัดวางแนวทุ่นเป็น 2 ร่องน้ำในส่วนขาเข้า และขาออกที่มีการสัญจรทางเรือระหว่างเมืองพัทยา ไปสู่เกาะล้าน ช่วงหาดตาแหวน พร้อมการวางแนวเพื่อระบุจุดชะลอความเร็วของผู้ประกอบการเรือทุกชนิดเมื่อเข้าใกล้ชายหาด ที่ระบุไว้ในอัตราเครื่องยนต์ 2,500/นาที ซึ่งหากพบว่า มีการฝ่าฝืนก็จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด ตั้งแต่การหยุดพักเพื่อตรวจยึดเรือ และใบอนุญาตของนายท้าย ซึ่งมีโทษปรับ 5,000 บาท ไปจนถึงโทษสูงสุดคือ การห้ามประกอบการนานถึง 2 ปี
นายสนิท กล่าวต่อไปอีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นคงจะเกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่มากกว่า เพราะ หากมีความระมัดระวัง และคอยสังเกตเส้นทางการเดินเรือปัญหาก็คงไม่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงพื้นที่ระหว่างเกาะสาก มายังหาดตาแหวน เกาะล้าน ที่เกิดปัญหาบ่อยครั้ง เนื่องจากอาจมีการแล่นเรือตัดข้ามเส้นทางกัน ทั้งนี้ คงจะต้องร้องขอให้ผู้ประกอบการมีความรอบคอบ ระมัดระวัง ขณะที่ภาครัฐเองก็จะจัดกำลังไปเฝ้าระวัง และตรวจสอบอย่างเข้มงวดมากขึ้นเพื่อป้องกันปัญหาซ้ำซากในอนาคต