ศูนย์ข่าวศรีราชา - เมืองพัทยา ร่วมเจ้าท่าประชุมผู้ประกอบการเรือเร็ว หาแนวทางแก้ไขทำยังไงให้ลดความเสี่ยงลดอุบัติเหตุเรือชนกัน ให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม
วันนี้ (28 เม.ย.) ที่ห้องประชุมสำนักงานเมืองพัทยา สาขาเกาะล้าน นายเอกราช คันธโร ผอ.กรมเจ้าท่า สาขาพัทยา เป็นประธานในการประชุมผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวเพื่อวางมาตรการด้านความปลอดภัยทางทะเล
หลังจากเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุเจ็ตสกีกับเรือสปีดโบตชนกัน และในวันที่ 26 เม.ย. เกิดเรือสปีดโบต 2 ลำ ชนกันที่หาดตาแหวน แขวงเกาะล้าน เป็นเหตุให้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต ทำให้เมืองพัทยาเสื่อมเสียด้านการท่องเที่ยว โดยมี นายสนิท บุญมาฉาย สมาชิกสภาเมืองพัทยา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า ตำรวจน้ำ ตำรวจท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่เมืองพัทยา ทหาร มทบ.14 และตัวแทนผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวในเมืองพัทยา และเกาะล้าน เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
นายเอกราช คันธโร กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2557 ที่ผ่านมา ได้มีการริเริ่มโครงการพัทยาโมเดลเพื่อเป็นต้นแบบนำร่องด้านความปลอดภัยทางทะเลให้แก่สถานที่ท่องเที่ยวชายทะเลอื่นๆ ในประเทศ ซึ่งมีการกำหนดมาตรการไว้ 5 มาตรการ และได้ทำไปแล้ว 3 มาตรการ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว
ส่วนของเหตุการณ์เจ็ตสกีชนกับเรือสปีดโบตเมื่อ วันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นเพราะผู้ควบคุมเรือทั้ง 2 ลำไม่ปฏิบัติตามกติกาเกี่ยวกับเรื่องความเร็วในการเข้าออกหาดตาแหวน
นอกจากนี้ เรื่องพื้นที่เข้าออกเรือก็เป็นสิ่งสำคัญ ปัจจุบันมีทั้งเรือสปีดโบต และเรือโดยสารขนาดใหญ่เดินทางจากฝั่งพัทยามาเกาะล้านไม่ต่ำกว่า 600 ลำต่อวัน แต่เส้นทางเข้าออกมีความยาวเพียง 300 เมตร และแนวทุนเกิดชำรุดไม่มีความชัดเจน ทำให้ทุกวันนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุอยู่
โดยในปีงบประมาณ 2560 ทางกรมเจ้าท่า ได้เสนอของบประมาณเร่งด่วนผ่านทาง ผวจ.ชลบุรี ไปยัง รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแล้ว และยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา แต่ในช่วงนี้เราต้องช่วยตัวเองก่อน คงต้องเน้นย้ำ และฝากไปถึงผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวในเรื่องของความเร็วจากจุดเริ่มต้นออกจากหาด ขอให้ยึดมั่นคำสัญญาลูกผู้ชายที่เคยตกลงกันไว้ เพราะปัจจุบันยังไม่มีข้อกฎหมายใดๆ มากำหนด
ด้าน นายสนิท บุญมาฉาย สมาชิกสภาเมืองพัทยา และประธานชมรมผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวเมืองพัทยา กล่าวว่า จุดเกิดเหตุเรือชนทั้ง 2 วันติดกัน เป็นหน้าที่ของเมืองพัทยาที่ต้องรับผิดชอบดำเนินการ เพราะก่อนหน้านี้ บริเวณหาดตาแหวน จะมีแนวทุ่นระบุตำแหน่งเส้นทางเข้าออกเรืออย่างชัดเจน แต่เนื่องจากที่ผ่านมา มีคลื่นลมแรงทำให้ทุ่นเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ถือเป็นความบกพร่องของเมืองพัทยาเพราะทุ่นเสียหายมานานนับเดือนแล้วแต่ไม่ได้รับการแก้ไข หากยังมีทุ่นบอกตำแหน่งเหตุก็คงไม่เกิด และจะไปโทษผู้ประกอบการเสียทีเดียวก็คงไม่ได้
“ได้นำเสนอไปยังนายกเมืองพัทยา เพื่อจัดหาทุ่นเก่ามาทำแนวเขตชั่วคราวจากฝั่งหาดตาแหวนยาวไปจนถึงหัวโขด หรือหาดตายาย ระยะทางประมาณ 700 เมตร โดยแบ่งช่องการจราจรอย่างชัดเจน เพื่อให้เรือที่เข้าออกหาด รวมถึงเรือที่มาส่งนักท่องเที่ยวดำน้ำ หรือซีวอล์กเกอร์ ได้ทราบถึงเส้นทางการเดินเรือที่ถูกต้อง พร้อมกับของบเร่งด่วนในการจัดซื้อเชือก และสมอมาทำทุ่นเพื่อแก้ไขปัญหาชั่วคราว”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบทสรุปในที่ประชุมวันนี้มี 2 เรื่องใหญ่ๆ คือ การทำทุ่นเพื่อแบ่งเขตการจราจรทางน้ำชั่วคราว และการขอความร่วมมือผู้ประกอบการ และคนขับเรือในเรื่องการใช้ความเร็วขณะเข้าออกฝั่งต้องไม่เกิน 2,000-2,500 รอบ ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามก็จะมีโทษปรับเป็นเงิน จำนวน 5,000 บาททันที