กาฬสินธุ์ - โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชีกลางประกาศเตือนห้ามสูบน้ำทำนาปรังและงดการเลี้ยงปลากระชัง หลังพบพื้นที่ฝืนปลูกข้าวนาปรังประมาณ 35,698 ไร่ ทำให้ความต้องการน้ำเกินกว่าปริมาณน้ำที่ระบายจากเขื่อนอุบลรัตน์ลงมา ส่งผลโดยตรงกับเขื่อนมหาสารคาม เขื่อนวังยาง และเขื่อนร้อยเอ็ด เพราะจะทำให้เกิดสภาวะขาดแคลนน้ำและมีผลต่อคุณภาพน้ำโดยรวมขึ้นได้ในอนาคต
นายพัฒนะ พลศรี หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 3 (เขื่อนระบายน้ำวังยาง) โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาน้ำชีกลาง กล่าวว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งในปัจจุบัน ซึ่งกำลังส่งผลกระทบในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่ส่งน้ำหล่อเลี้ยงให้กับลำน้ำชี ขณะนี้มีปริมาณน้ำเหลืออยู่เพียง 662.9 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 27.27% โดยมีปริมาณน้ำใช้การได้เพียง 81.2 ล้าน ลบ.ม. หรือ 4.39%
สาเหตุเนื่องจากปริมาณฝนเฉลี่ยที่ตกลงมากมีน้อย และปัจจุบันเขื่อนอุบลรัตน์ได้ส่งน้ำลงสู่ลำน้ำชี เพื่อช่วยเหลือประชาชน ในการอุปโภคบริโภค การประปา และรักษาระบบนิเวศในช่วงหน้าแล้งวันละ 500,000 ลบ.ม. คาดว่าจากปริมาณน้ำที่ใช้การได้จะสามารถส่งให้ได้ถึงช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้เท่านั้น
นายพัฒนะกล่าวต่อว่า จากสถานการณ์ดังกล่าวนายเกริกกรุง สุภัควนิช ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชีกลางและคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำชี จ.ขอนแก่น จ.มหาสารคาม จ.ร้อยเอ็ด และ จ.กาฬสินธุ์จึงได้ประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำในลำน้ำชีฤดูแล้งปี 2558/2559 เพื่อขอความร่วมมือเกษตรกรในพื้นที่งดเพาะปลูกข้าวนาปรัง และงดเลี้ยงปลากระชังมาตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม 2558 จำนวน 6 ฉบับ
โดยได้ประกาศงดการส่งน้ำในเขตพื้นที่ชลประทานของโครงการและขอความร่วมมือเกษตรกรนอกเขตชลประทานงดการปลูกพืชฤดูแล้ง เพื่อเป็นการสงวนน้ำไว้อุปโภคบริโภค และการประปา ไม่ให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำช่วงฤดูแล้งมาอย่างต่อเนื่อง
นายพัฒนะกล่าวอีกว่า แต่จากการเฝ้าติดตามสถานการณ์การใช้น้ำในลำน้ำชีปัจจุบันพบว่ายังมีการสูบน้ำจากลำน้ำชี เพื่อทำการปลูกข้าวนาปรังอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ชัย จ.ขอนแก่น อ.โกสุมพิสัย อ.กันทรวิชัย และอ.เมือง จ.มหาสารคาม อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ อ.จังหาร อ.เชียงขวัญ อ.ธวัชบุรี และ อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด มีพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 35,698 ไร่ ทำให้ความต้องการน้ำเกินกว่าปริมาณน้ำที่ระบายจากเขื่อนอุบลรัตน์ลงมา ซึ่งจะส่งผลโดยตรงกับเขื่อนมหาสารคาม เขื่อนวังยาง จ.กาฬสินธุ์ และเขื่อนร้อยเอ็ด เพราะจะทำให้เกิดสภาวะขาดแคลนน้ำและมีผลต่อคุณภาพน้ำโดยรวมขึ้นได้ในอนาคต
ดังนั้น โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชีกลางจึงออกประกาศแจ้งเตือนฉบับที่ 7 เพื่อแจ้งแนวทางในการบริหารจัดการน้ำในลำน้ำชีตั้งแต่ จ.ขอนแก่น จ.มหาสารคาม จ.กาฬสินธุ์ และ จ.ร้อยเอ็ด โดยห้ามทำการสูบน้ำจากลำน้ำชี เพื่อทำการเพาะปลูกข้าวนาปรังโดยเด็ดขาด ซึ่งในส่วนกรณีที่มีการใช้น้ำจากแหล่งน้ำอื่นๆที่ไม่ใช่ลำน้ำชีโดยตรง ทั้งลำห้วยสาขา หรือห้วย หนอง คลอง บึง ที่ยังมีการปลูกข้าวนาปรังตามศักยภาพของแหล่งน้ำนั้นๆแล้วโดยสมัครใจ
ทางโครงการฯจะไม่สามารถระบายน้ำจากลำน้ำชีเข้าไปเติม หรืออนุญาตให้สูบน้ำเข้าไปเติมได้ และหากเกิดการขาดแคลนน้ำขึ้นมา ทางโครงการฯ จะไม่รับผิดชอบในการจัดการน้ำเพื่อเพาะปลูกข้าวนาปรัง
สำหรับผู้เลี้ยงปลาในกระชังลำน้ำชี ทางโครงการฯ และผู้เกี่ยวข้องได้แจ้งเตือนขอให้ลดและงดการเลี้ยงปลาในกระชังมาตั้งแต่ต้นแล้ว ซึ่งหากเกิดกรณีที่เกิดน้ำเน่าเสียทำให้ปลาตาย โครงการจะไม่สามารถที่จะทำการะบายน้ำเพิ่มให้ได้ เนื่องจากประมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์มีจำกัด
อย่างไรก็ตาม สำหรับประมาณน้ำในลำน้ำน้ำชี บริเวณหน้าและท้ายเขื่อนวังยางยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยวันละ 1-5 เซนติเมตร โดยระดับน้ำกักเก็บที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ 137.50 เมตร รทก.ปัจจุบัน 136.51 เมตร รทก. หรือจากที่มีปริมาณน้ำกักเก็บ 33.59 ล้าน ลบ.ม.ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 28.9 ล้าน ลบ.ม. ดังนั้นจึงอยากให้พี่น้องประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัดและให้เกิดประโยชน์คุ้มค่ามากที่สุด