ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ยืนยันงบประมาณโครงการพัฒนา “ข่วงหลวงเวียงแก้ว” 150 ล้านบาทยังอยู่ เตรียมเดินหน้าก่อหนี้ผูกพันงบประมาณด้วยการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างการทำบันทึกจดหมายเหตุและการขุดค้นทางโบราณคดีบนพื้นที่ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ (เดิม) ก่อนทำการรื้อถอนและก่อสร้างตามแบบในขั้นต่อไป ย้ำชัดจะมีการผลักดันโครงการให้มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมต่อเนื่องภายใต้ความถูกต้องและรัดกุมตามหลักกฎหมาย ขณะที่ภาคีเครือข่ายประชาชนเชียงใหม่ แสดงความพอใจหลังได้รับการไขข้อข้องใจ
วันนี้ (23 ธ.ค. 58) ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, ตัวแทนจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่, สำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่, สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่, สำนักงานธนารักษ์พื้นที่เชียงใหม่ และเทศบาลนครเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงความคืบหน้าโครงการพัฒนาข่วงหลวงเวียงแก้ว เพื่อชี้แจงการดำเนินงานที่ผ่านมาของจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาที่จะดำเนินการต่อไปในอนาคต และเพื่อยืนยันความตั้งใจในการพัฒนาข่วงหลวงเวียงแก้วให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชนในพื้นที่
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ยืนยันว่า งบประมาณ 150 ล้านบาทสำหรับดำเนินการพื้นที่ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ (เดิม) ตามโครงการพัฒนาข่วงหลวงเวียงแก้ว ที่โครงการริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบดูแลการเบิกจ่ายงบประมาณตั้งแต่ปี 2557 ยังคงมีอยู่ ซึ่งทางจังหวัดเชียงใหม่รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการพัฒนาโครงการนี้อย่างแน่นอน อย่างเป็นขั้นตอนและสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการดำเนินการต่างๆ มีข้อจำกัดและต้องใช้เวลาบ้าง ที่ผ่านมาได้มีการทำการประกวดออกแบบ, การจ้างออกแบบรายละเอียด พร้อมจัดทำรายละเอียดการประเมินราคาและรายการประกอบเพื่อพัฒนาพื้นที่แล้วที่จะทำให้สามารถดำเนินโครงการภายใต้งบประมาณ 150 ล้านบาทต่อไปได้
โดยตามงบประมาณดังกล่าวมีการแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ การรื้อถอน ก่อสร้าง และจัดทำสถาปัตยกรรม สื่อ แสง สี เสียง งบประมาณ 120 ล้านบาท,การขุดค้นทางโบราณคดี งบประมาณ 20 ล้านบาท และการดำเนินการด้านจดหมายเหตุ งบประมาณ 7 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 3 ล้านบาท ใช้เป็นงบประมาณในการบริหารจัดการโครงการ
ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่ได้มีการมอบหมายให้ส่วนราชการดำเนินการตามกิจกรรมที่เกี่ยวข้องดังกล่าวเพื่อให้สามารถก่อหนี้ผูกพันงบประมาณได้ก่อน คือ กิจกรรมการบันทึกจดหมายเหตุการรื้อถอนอาคารทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ (เดิม) โดยหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ที่จะมีการลงนามสัญญาจัดซื้อจัดจ้างในวันที่ 28 ธ.ค. 58 และกิจกรรมงานขุดค้นทางโบราณคดี โดยสำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ ที่จะมีการลงนามสัญญาจัดซื้อจัดจ้างในเดือน ม.ค. 59
สำหรับการรื้อถอนและก่อสร้างตามการออกแบบนั้น นายปวิณระบุว่า เป็นส่วนที่จะต้องดำเนินการหลังจากขั้นตอนการบันทึกจดหมายเหตุ และการขุดค้นทางโบราณคดีเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยที่ในส่วนของการบันทึกจดหมายเหตุนั้น จะมีการดำเนินอย่างละเอียดทั้งก่อนและหลังการเข้าทำการขุดค้นรื้อถอน
ขณะที่การดำเนินงานทางโบราณคดีจะมีการสำรวจทางธรณีฟิสิกส์ก่อน ระยะเวลา 75 วัน เพื่อวางแผนในการขุดลอกชั้นดินที่ทับถมอาคารโบราณสถาน และบูรณะโบราณสถาน ซึ่งต้องยอมรับว่าการดำเนินการทุกขั้นตอนจะต้องใช้เวลา แต่ยืนยันว่าจะมีการผลักดันโครงการให้มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมต่อเนื่องภายใต้ความถูกต้องและรัดกุมตามหลักกฎหมาย ด้วยการทำงานที่เปิดเผยและมีส่วนร่วมของประชาชน ปราศจากการแทรกแซงขององค์กรใดๆ โดยที่กุญแจเปิดปิดและการเข้าออกพื้นที่โครงการก็อยู่ที่ทางจังหวัดแล้ว
ด้านภาคีเครือข่ายประชาชนจังหวัดเชียงใหม่ ที่ประกอบด้วย เครือข่ายผู้หญิงเชียงใหม่, ชมรมอาสาสมัครกฎหมายเพื่อผู้หญิง, กลุ่มจับตาเชียงใหม่, เครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่, ศูนย์ช่วยเหลือผู้หญิงและเด็ก, ชมรมคนช้างม่อย และอีกหลายกลุ่มที่เคลื่อนไหวทำงานด้านการอนุรักษ์ภาคประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งส่งตัวแทนเข้าร่วมรับฟังความคืบหน้าโครงการพัฒนาข่วงหลวงเวียงแก้วในครั้งนี้ด้วย เบื้องต้นแสดงความพอใจที่ได้รับการยืนยันว่าทางจังหวัดเชียงใหม่ งบประมาณโครงการนี้จำนวน 150 ล้านบาท ยังคงอยู่ และจะมีการผลักดันโครงการพัฒนานี้อย่างเป็นรูปธรรมแน่นอน โดยที่ทางเครือข่ายจะมีการติดตามความคืบหน้าโครงการนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป