ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่และภาคประชาชนเตรียมขอเข้าพบผู้ว่าฯ เชียงใหม่ให้ได้พรุ่งนี้ (9 ธ.ค. 58) เพื่อติดตามทวงถามความคืบหน้าโครงการพัฒนาและก่อสร้าง “ข่วงหลวงเวียงแก้ว” หลังไม่มีความคืบหน้ามานานนับปีทั้งที่มีแผนงานชัดเจนและได้รับการจัดสรรงบประมาณจำนวน 150 ล้านบาทมาแล้ว ราวกับจงใจปล่อยให้ต้องล้มเลิกโครงการ ท่ามกลางกระแสข่าวที่ระบุว่ามีมูลนิธิทางศาสนาบางแห่งพยายามฮุบพื้นที่ไปรับผิดชอบดูแลเอง แถมทุกวันนี้ก็เป็นผู้ถือกุญแจเปิดปิดเข้าออกพื้นที่ไว้อยู่แล้วแทนที่จะเป็นหน่วยงานราชการ ประกาศจุดยืนชัดเจนให้ดำเนินการตามเจตนารมณ์ของภาคประชาชนที่ต้องการพัฒนาเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ส่วนรวมและแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเชียงใหม่
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า วันนี้ (8 ธ.ค. 58) ตัวแทนเครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่และเครือข่ายภาคประชาชนเชียงใหม่ได้เดินทางไปที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่เพื่อพบ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และยื่นหนังสือติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาและก่อสร้างข่วงหลวงเวียงแก้ว บนพื้นที่ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ (เดิม) หลังพบว่าไม่มีความคืบหน้าการดำเนินการ ทั้งที่จังหวัดเชียงใหม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจำนวน 150 ล้านบาทมาให้แล้ว 1-2 ปีเพื่อดำเนินโครงการที่มีแผนงานชัดเจนแล้ว แต่ถึงทุกวันนี้ยังไม่มีการจัดซื้อจัดจ้างใดๆ และมีแนวโน้มว่างบประมาณดังกล่าวจะถูกเรียกคืนในสิ้นเดือน ธ.ค. 58 นี้หากยังไม่มีการจัดซื้อจัดจ้าง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ติดภารกิจลงพื้นที่ ไม่สามารถมาพบและรับหนังสือดังกล่าวด้วยตัวเองเองได้ ตัวแทนภาคประชาชนที่ยืนยันว่าจะขอพบผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่จึงเดินทางกลับและจะมาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (9 ธ.ค. 58) เพื่อพบผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ให้ได้
สำหรับหนังสือที่จะมีการยื่นเพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาและก่อสร้างข่วงหลวงเวียงแก้วนั้น รายงานแจ้งว่ามีข้อสังเกตและข้อเรียกรีองระบุว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 58 ที่ผ่านมาได้ส่งตัวแทนร่วมตรวจสอบพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง แต่กลับพบว่ากุญแจที่ใช้เปิดปิดทัณฑสถานหญิง (เดิม) นั้นกลับไม่ได้อยู่ที่ส่วนราชการที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่ แต่กลับไปอยู่ที่มูลนิธิแห่งหนึ่ง ขณะเดียวกันต้องการทราบว่าโครงการนี้จะต้องมีการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างภายในเดือน ธ.ค. 58 หรือไม่เพื่อผูกพันงบประมาณ และหากไม่ทันจะส่งผลอย่างไร พร้อมทั้งขอทราบแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจนและเวลาแน่ชัดที่จะเริ่มดำเนินการได้อย่างเร็วที่สุด ทั้งนี้ ภาคประชาชนยืนยันให้มีการดำเนินการโครงการตามแนวทางที่ผ่านการประชาพิจารณ์และแบบที่ชนะการประกวด ตลอดจนสนับสนุนให้มีการขุดค้นทางโบราณคดีในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อหาความรู้และข้อมูลหลักฐานทางประวัติศาสตร์ อันจะมีผลต่อการปรับใช้พื้นที่ดังกล่าวสำหรับการเป็นพื้นที่สาธารณะและแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเชียงใหม่และส่วนรวม ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ตั้งแต่แรกเริ่ม
นางเสาวคนธ์ ศรีบุญเรือง ผู้ประสานงานเครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้ภาคประชาชนที่เคลื่อนไหวเรียกร้องประเด็นนี้มาอย่างต่อเนื่องยาวนานเพื่อให้มีการเปิดพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์และแหล่งศึกษาเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ กระทั่งผลักดันจนมีโครงการนี้เกิดขึ้น รู้สึกเป็นห่วงและกังวลใจเป็นอย่างยิ่งที่โครงการนี้ไม่มีความคืบหน้ามานานนับปีแล้ว ทั้งที่มีแผนงานโครงการชัดเจนและได้รับการจัดสรรงบประมาณจำนวน 150 ล้านบาทมาจากรัฐบาลแล้ว ราวกลับว่ามีความจงใจที่จะปล่อยให้โครงการนี้ต้องล้มเลิกไปและต้องคืนงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรไว้ให้รัฐบาล นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับข้อมูลและกระแสข่าวที่พบด้วยว่ามีความพยายามจากมูลนิธิทางศาสนาบางแห่งที่ต้องการจะเข้าไปมีสิทธิในการดูแลบริหารจัดการพื้นที่ดังกล่าวทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว แม้จะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการพัฒนาพื้นที่เองก็ตาม ซึ่งขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับเจตนารมณ์ของภาคประชาชนที่ต้องการให้มีการขุดค้นและบันทึกข้อมูลทางโบราณคดีประวัติศาสตร์ของพื้นที่อย่างครบถ้วนตามหลักวิชาการ แล้วพัฒนาเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์และเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ที่ประชาชนทุกคนสามารถเข้าใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ โดยไม่ได้เป็นการผูกขาดความเป็นเจ้าของไว้กับองค์กรหรือหน่วยงานใดแต่เพียงผู้เดียว