สุรินทร์ - รวบ 14 โจ๋ เมืองช้าง รุมทำร้ายสองน้า-หลานดับ 2 ศพ อ้างเหตุตีผิดคน เช้าวันนี้รีบนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แต่ญาติทราบข่าวพากันเดินทางมารวมตัวที่ สภ.ตากูก เรียกร้องให้มีการทำแผนรับสารภาพใหม่ พร้อมนำศพใส่รถมาที่โรงพัก เรียกร้องให้ตำรวจนำตัวผู้ต้องหามาขอขมาศพ ไม่เช่นนั้นจะไม่นำกลับบ้าน
จากกรณีเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา เวลา 03.00 น.ศูนย์วิทยุ 191 สภ.ตากูก อ.เขวาสินรินทร์ จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่า มีเหตุสะเทือนขวัญในชุมชน กลุ่มวัยรุ่นจำนวนมากคึกคะนองยกพวกตี และรุมทำร้ายชาวบ้านแสรออ ม.8 ต.ปราสาททอง อ.เขวาสินรินทร์ จ.สุรินทร์ เหตุเกิดที่บ้านตาปุด ถนนหน้า สภ.ตากูก หลัก กม.ที่ 11 จุดระหว่างร้านค้าหมู กับอู่ซ่อมรถ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชาย ทราบชื่อภายหลังคือ นายมวล มั่นยืน อายุ 31 ปี และบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ทราบชื่อภายหลังคือ ด.ช.อนิรุตน์ บูรณ์เจริญ อายุ 14 ปี เป็นราษฎร หมู่ 8 บ้านแสรออ ต.ปราสาททอง อ.เขวาสินรินทร์ จ.สุรินทร์
โดย นายมวล มั่นยืน เสียชีวิตเนื่องจากถูกกลุ่มวัยรุ่นคึกคะนองดักทำร้ายระหว่างเดินทาง รุมทุบตี จนรถจักรยานยนต์ เสียหลักล้มชนหลักกิโลเมตร จนศีรษะกระแทกขอบปูน และมีร่องรอยการทำร้ายซ้ำ ขณะที่ ด.ช.อนิรุตน์ บูรณ์เจริญ ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลสุรินทร์
ล่าสุด เช้าวันนี้ (14 ธ.ค.) พ.ต.ต.สมพงษ์ วงค์อินตา สารวัตร สภ.ตากูก (สว.สภ.ตากูก) พ.ต.ท.ถนัด ตินานพ หัวหน้าพนักงานสอบสวน และชุดสืบสวน สภ.ตากูก สามารถจับกุมกลุ่มวัยรุ่นต้องสงสัยก่อเหตุได้แล้ว 14 ราย ผู้ต้องหารับสารภาพ อ้างเหตุตีผิดคน ส่วนใหญ่เป็นเด็ก และเยาวชนเพศชาย อายุ 14 ปี 2 คน อายุ 17 ปี 9 คน และอายุเกินกว่า 18 ปี อีก 3คน นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ตากูก ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พ.ต.ต.สมพงษ์ วงศ์อินตา สารวัตร สภ.ตากูก พ.ต.ต.ถนัด ตินานพ หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.ตาถูก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบ สภ.ตากูก เปิดเผยว่า จับกุมเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 11 คน และวัยรุ่นอีก 3 คน รวม 14 คน ที่ก่อเหตุรุ่มทำร้ายนายประมวล มั่นยืน อายุ 31 ปีและ ด.ช.อนิรุต บูรณ์เจริญ อายุ 14 ปี ชาวบ้านแสรออ ต.ตากูก อ.เขวาสินรินทร์ จ.สุรินทร์ เสียชีวิต
ขณะเดินทางกลับจากเที่ยวงานที่บ้านฉันเพลในตำบลเดียวกัน เมื่อเช้าตรู่วันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา ทุกคนถูกควบคุมตัวไว้ที่ สภ.ตากูก และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบปากคำ และพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องหาทั้งหมด โดยมีบรรดาผู้ปกครองของเยาวชนทั้งหมด 11 คน พร้อมวัยรุ่นอีก 3 คน เดินทางมาเยี่ยม และนำอาหารมาให้ เด็กบอกว่าเกิดจากการทะเลาะกัน และมาดักทำร้ายกันจนมีคนเสียชีวิต
จากนั้นในเวลา 09.30 น.วันเดียวกันนี้ ได้นำผู้ต้องหาไปทำแผนรับสารภาพรุมฆ่าน้าวัย 31 ปี กับหลานอายุ 14 ปี โดยนำตัวไปทำแผนเฉพาะนายพัฒนชัย หรือทอม ฤกษ์ดี อายุ 21 ปี นายประกิจ นุวัยยา อายุ 22 ปี นายอธิป จารัตน์ อายุ 18 ปี เพราะเกินวัยเยาวชนไปแล้ว โดยหนึ่งในจำนวนผู้ต้องหาระบุว่าตีคนผิด โดยคนที่จะพากันตี คือ คนที่นั่งรถจักรยานยนต์มา แล้วลากมีดสปาต้ามาตามถนน
พวกตนคาดว่าจะมาทำร้ายกลุ่มของพวกตนจึงพากันดักรอ แต่คนที่ขับจักรยานยนต์ลากมีดสปาต้ามาตามถนนได้เดินทางย้อนกลับไปที่งานประจำปีที่ตำบลเมืองที ขณะที่คนตายกับหลานมาถึงที่เกิดเหตุ กลุ่มตนที่ดักรออยู่จึงได้ลงมือร่วมทำร้ายรถจักรยานยนต์ล้มลง ทำให้น้าเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ หลานสาหัสไปเสียชีวิตที่ รพ.สุรินทร์
อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่า บรรดาญาติผู้ตายไม่พอใจการทำแผนรับคำสารภาพ เพราะไม่ได้แจ้งให้ญาติทราบล่วงหน้า ได้พากันมารวมตัวที่โรงพักร้องขอให้ตำรวจทำแผนสารภาพใหม่ พร้อมทั้งมีรถของอาสาสมัคกู้ภัยสุรินทร์ นำศพ ด.ช.อนิรุต บูรณ์เจริญ อายุ 14 ปี นำขึ้นรถมายัง สภ.ตากูก โดยมีญาติๆ กว่า 200 คน มาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหา มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพใหม่ เพราะญาติไม่พอใจที่ตำรวจแอบทำ พร้อมทั้งให้นำผู้ต้องหามาขอขมาศพผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย และจะไม่นำศพกลับบ้านหากไม่ได้ตามข้อเรียกร้อง
ต่อมา พ.ต.ท.สมพงษ์ วงศ์อินตา สารวัตร สภ.ตากูก ได้ชี้แจงต่อชาวบ้านที่มาเรียกร้องให้มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพใหม่ ว่า ตำรวจได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะช่วงบ่ายต้องรีบนำผู้ต้องหาส่งฝากขัง และการดำเนินการในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพก็ทำไปด้วยความสุจริตใจ ถูกต้อง จึงขอความเป็นธรรมให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เพราะหลังจากเกิดเหตุไม่กี่ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 14 รายได้
อย่างไรก็ตาม บรรดาญาติๆ ของผู้เสียชีวิตยังไม่พากันกลับ และพากันปักหลักเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามข้อเรียกร้องคือ ให้มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพใหม่ และให้นำผู้ต้องหามาขอขมาศพผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย
ด้าน พ.ต.อ.อภิชาติ แจ้งจันทร์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายสมชาย อำพันกาญจน์ นายอำเภอเขวาสินรินทร์ ได้เดินทางมาที่ สภ.ตากุก และได้เชิญญาติของผู้เสียชีวิตเข้าห้องประชุมเพื่อหาข้อสรุปในปัญหาที่เกิดขึ้น
