xs
xsm
sm
md
lg

ลูกจ้าง พอช.พร้อมผัวปลอมลายมือยักยอกเงินกองทุนสวัสดิการตำบลหลายล้านหลบหนี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บุรีรัมย์ - ฉาวอีก ลูกจ้างสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน รวมหัวกับสามีหลอกเอาสมุดบัญชีเงินฝาก ปลอมลายมือชื่อเบิกยักยอกเงินกองทุนสวัสดิการตำบล 4 แห่ง รวมเป็นเงินกว่า 2 ล้านบาทหลบหนี ล่าสุดประธานกองทุนโร่แจ้งความดำเนินคดี ด้าน พมจ.ชงเรื่องผู้ว่าฯ ตั้งกรรมการสอบ

วันนี้ (5 พ.ย.) น.ส.สุภานันท์ ศรีพนม หรือต่าย อายุ 24 ปี ลูกจ้างของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ พอช. ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลเรื่องเอกสารและติดต่อประสานงานระหว่างทางกองทุนกับสถาบันฯ และนายพงศธร ศรีพนม อายุ 22 ปี สามี ได้ร่วมกันปลอมแปลงลายมือชื่อไปเบิกยักยอกเงินฝากและเงินออมในบัญชีของกองทุนสวัสดิการตำบล 4 แห่งที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีกองทุนสวัสดิการผู้ด้อยโอกาส ต.พระครู ต.สองห้อง ต.บัวทอง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ และกองทุนสวัสดิการ ต.ปราสาท อ.บ้านด่าน รวมเป็นเงินกว่า 2 ล้านบาท

โดย น.ส.สุภานันท์ได้อาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจในฐานะที่เป็นพนักงานของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนไปหลอกลวงเอาสมุดบัญชีเงินฝากจากทางกองทุนทั้ง 4 แห่ง โดยอ้างว่าจะนำไปปรับเช็กยอดเงินและนำไปประกอบการทำเรื่องเสนอของบประมาณสนับสนุนจาก พอช. แต่กลับไม่ได้นำไปดำเนินการตามที่กล่าวอ้างจริง

ต่อมากลับมีชื่อนายพงศธร ศรีพนม ซึ่งเป็นสามีของ น.ส.สุภานันท์ ไปเบิกถอนเงินในบัญชีของทั้ง 4 กองทุน รวมกว่า 2 ล้านบาท ก่อนที่ทั้งสองจะหลบหนีไปจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้ เบื้องต้นทางประธานกองทุนฯ ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ให้ดำเนินคดีต่อ น.ส.สุภานันท์ และสามี ข้อหา “ปลอมแปลงเอกสารอันเป็นเท็จเพื่อเบิกเงินในบัญชีไปใช้จ่ายส่วนตัว” แล้ว

ขณะที่ทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลกองทุนดังกล่าวได้ทำเรื่องเสนอผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว เพื่อเอาผิดผู้กระทำผิดและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

ด้านนายไกวัล เดือนจำรูญ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า การจัดตั้งกองทุนสวัสดิการตำบลดังกล่าวเป็นความต้องการของชุมชนเพื่อดูแลสวัสดิการชุมชนด้านเกิด แก่ เจ็บ ตาย ซึ่งทั้งจังหวัดมีอยู่ 208 กองทุน ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นว่ามีลูกจ้างของ พอช.ลักลอบไปเบิกยักยอกเงินจากบัญชีกองทุนนั้น

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นความจริง และอยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้แจ้งให้ทุกกองทุนได้ตรวจสอบว่าเงินในบัญชีมีความผิดปกติหรือไม่ หากพบความผิดปกติหรือถูกยักยอกเงินจากบัญชี ก็ให้เข้าแจ้งความทันทีเพื่อดำเนินการเอาผิดต่อผู้เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า นายพงศธร ศรีพนม สามีของ น.ส.สุภานันท์ ซึ่งไม่ได้เป็นกรรมการ ทั้งไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับกองทุน และไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของสถาบันพัฒนาชุมชน แต่กลับมีชื่อไปเบิกถอนเงินจากธนาคารได้ และบางกองทุนมีการเบิกเงินจากธนาคารหลายครั้งแต่ไม่มีการทักท้วงอะไร

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ที่ได้รับแจ้งความกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลหลักฐาน และจะได้เรียกผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งประธานกองทุน เจ้าหน้าที่ธนาคาร และผู้ถูกกล่าวหา มาสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น