บุรีรัมย์ - เจ้าอาวาสวัดหนองบัวทอง ต.บัวทอง บุรีรัมย์ นำ กก. และสมาชิกกองทุนสวัสดิการผู้ด้อยโอกาส หอบหลักฐานเข้าแจ้งความเอาผิด 2 ผัวเมียสุดแสบ ปลอมแปลงลายมือชื่อยักยอกเงินกองทุนที่ชาวบ้านร่วมกันออมวันละบาท รวม 5 แห่ง ร่วม 3 ล้าน พร้อมจี้ธนาคารรับผิดชอบฐานหละหลวมปล่อยให้เบิกเงินหลายครั้งง่ายดาย โดยไม่ตรวจสอบให้รอบคอบ
วันนี้ (8 พ.ย.) พระครูปทุมธรรมานุรักษ์ เจ้าอาวาสวัดหนองบัวทอง ต.บัวทอง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ในฐานะประธานกองทุนสวัสดิการผู้ด้อยโอกาสตำบลบัวทอง พร้อมกรรมการ และสมาชิกกองทุนสวัสดิการผู้ด้อยโอกาส ได้นำเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ให้ดำเนินคดีต่อ น.ส.สุภานัน ศรีพนม หรือต่าย อายุ 26 ปี ลูกจ้างของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลเรื่องเอกสาร และติดต่อประสานงานระหว่างทางกองทุนกับสถาบันฯ และนายพงศธร ศรีพนม สามี ที่ได้ร่วมกันปลอมแปลงลายมือชื่อเจ้าของบัญชีในใบถอนเงินของธนาคาร และปลอมลายมือชื่อในใบมอบฉันทะไปหลอกลวงธนาคารเพื่อเบิกเงินของกองทุนสวัสดิการผู้ด้อยโอกาส ที่ชาวบ้านร่วมกันออมวันละบาทมาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบันรวมเป็นเงิน 423,000 บาท ซึ่งเป็นกองทุนที่ไว้ช่วยเหลือคนในชุมชนตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ ตาย
โดยก่อนหน้านี้ ได้มีประธาน และกรรมการกองทุนเข้ามาแจ้งความที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ แล้วรวม 4 กองทุน
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ประสานขอเอกสารตัวจริงจากทางธนาคารที่ทั้ง 2 คน ไปเบิกเงินเพื่อส่งไปตรวจเปรียบเทียบลายมือชื่อผู้เสียหาย ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง กรุงเทพมหานคร คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนจึงจะทราบผล
พร้อมกันนี้ ยังจะได้ออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองมาสอบปากคำ และรับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอน หากพบผลตรวจยืนยันว่า ทั้งสองได้ปลอมแปลกเอกสารและลายมือชื่อเพื่อเงินกองทุนจริง เจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อบุคคลทั้งสองในข้อหา “หลอกลวงให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเข้าข่ายการฉ้อโกงทรัพย์” ต่อไป
พระครูปทุมธรรมานุรักษ์ เจ้าอาวาสวัดหนองบัวทอง ในฐานะประธานกองทุนสวัสดิการผู้ด้อยโอกาสตำบลบัวทอง และนายวิจิตร ปลื้มกมล กรรมการกองทุนที่ถูกปลอมแปลงลายมือชื่อ ยังได้เร่งรัดให้ทางเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวทั้ง 2 สามีภรรยามาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมให้นำมาคืนกองทุนโดยเร็ว เพราะขณะนี้กองทุนได้เกิดการชะงักไม่สามารถดำเนินกิจการต่อได้ เนื่องจากไม่มีเงินเหลือในบัญชีแล้ว
พร้อมกันนี้ ยังได้เรียกร้องให้ทางธนาคารออกมาแสดงความรับผิดชอบฐานหละหลวมในการทำหน้าที่ปล่อยให้มีการเบิกเงินในบัญชีไปโดยไม่ตรวจสอบให้รอบคอบ เนื่องจากทั้งสองสามีภรรยาที่ไปเบิกเงินจะใช้ใบมอบฉันทะในการเบิกหลายครั้ง ทั้งๆ ที่ผ่านมา ทางกรรมการกองทุน 2 ใน 3 จะไปเบิกเงินด้วยตัวเอง ไม่เคยมอบฉันทะให้ใครไปเบิกแทนเลย
พร้อมทั้งอยากฝากให้ทางธนาคารได้ตรวจสอบรอบคอบรัดกุมมากกว่านี้ เพราะถือเป็นสถาบันการเงินที่มีความปลอดภัยสูง แต่กลับปล่อยให้ปลอมลายมือชื่อไปหลอกลวงเบิกเงินได้อย่างง่ายดายจนสร้างความเดือดร้อนเสียหายแก่กองทุน
จากข้อมูลพบว่า ทั้งสองสามีภรรยาได้ร่วมกันปลอมแปลงลายมือชื่อเพื่อไปเบิกยักยอกเงินฝากและเงินออมในบัญชีของกองทุนสวัสดิการผู้ด้อยโอกาสตำบล 5 แห่ง ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ประกอบด้วย กองทุนสวัสดิการผู้ด้อยโอกาสตำบลพระครู อ.เมืองบุรีรัมย์ ถูกเบิกถอนไป จำนวน 1,100,500 บาท กองทุนสวัสดิการผู้ด้อยโอกาสตำบลสองห้อง อ.เมืองบุรีรัมย์ ถูกเบิกถอนไป จำนวน 674,000 บาท กองทุนสวัสดิการผู้ด้อยโอกาสตำบลบัวทอง อ.เมืองบุรีรัมย์ ถูกเบิกถอนไป จำนวน 423,000 บาท กองทุนสวัสดิการผู้ด้อยโอกาสตำบลปราสาท อ.บ้านด่าน ถูกเบิกถอนไป จำนวน 206,000 บาท และกองทุนสวัสดิการผู้ด้อยโอกาสตำบลสะแกโพรง อ.เมืองบุรีรัมย์ ถูกเบิกถอนไป จำนวน 475,511 บาท รวมเป็นเงินถูกเบิกถอนไปทั้งสิ้น จำนวน 2,879,011 บาท