xs
xsm
sm
md
lg

มาบตาพุดมีสารเบนซินเกินมาตรฐาน ชี้ระยะยาวประชาชนมีความเสี่ยงต่อเม็ดเลือดขาว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - มาบตาพุดมีสารเบนซินเกินมาตรฐาน นักวิชาการชี้ระยะยาวประชาชนมีความเสี่ยงต่อระบบเลือด และโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว แนะหน่วยงานอนุญาตจะต้องเร่งตรวจสอบโรงงานที่มีการระบายสารดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเพื่อลดปริมาณสาร Benzene ในบรรยากาศให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานโดยเร็ว

จากรายงานผลจากการติดตามตรวจสอบปริมาณสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศ (VOCs) ของกรมควบคุมมลพิษ (รายงาน ณ วันที่ 27 ก.ค.58) พบว่า ตั้งแต่เดือนกันยายน 2549 ถึงมิถุนายน 2558 มีสารอินทรีย์ระเหยง่าย หรือ VOCs มีค่าความเข้มข้นเกินค่ามาตรฐานเฉลี่ยรายปีอยู่ 4 ประเภทในชุมชนต่างๆ ของพื้นที่ตำบลมาบตาพุด จังหวัดระยอง ได้แก่สาร 1, 3 -Butadieneสาร Chloroformสาร 1, 2-Dichloroethane และสาร Benzene โดยสารอินทรีย์ระเหยง่ายดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นสารที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งต่อประชาชนที่ได้รับสัมผัสเป็นประจำในระยะยาว โดยเฉพาะสาร Benzene ตรวจพบเกินมาตรฐานบริเวณโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลมาบตาพุด สถานีเมืองใหม่มาบตาพุด ชุมชนบ้านพลง ศูนย์บริการสาธารณสุขบ้านตากวน และหมู่บ้านนพเกตุ โดยมีค่าสูงสุดที่ชุมชนบ้านพลง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

นายสนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการสิ่งแวดล้อมและเลขาธิการสมาคมอนามัยสิ่งแวดล้อมไทย เปิดเผยว่า สาร Benzene เป็นไอระเหยสารอินทรีย์ หรือ VOCs ชนิดหนึ่งโดยปกติไม่พบในธรรมชาติทั่วไป เป็นส่วนผสมอยู่ในน้ำมันดิบ เป็นผลผลิตที่ได้จากกระบวนการปิโตรเคมี มีแหล่งกำเนิดหลักจากโรงงานประเภทโรงกลั่นน้ำมัน โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ไอระเหยน้ำมันเบนซินการได้รับเบนซีนเข้าสู่ร่างกายเป็นระยะเวลานาน ทำให้มีผลต่อระบบเลือด เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคโลหิตจาง โดยที่เบนซีนจะเข้าไปทำลายไขกระดูก ทำให้มีจำนวนเม็ดเลือดลดลง เกล็ดเลือดต่ำ และทำลายระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายได้

นอกจากนี้ เบนซีนยังมีพิษต่อระบบประสาท โดยมีความผิดปกติของเส้นประสาทสมอง มีพิษต่อตับ ทำให้ตับอักเสบ และยังเป็นสารก่อมะเร็ง ก่อให้เกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว สำหรับมาตรฐานสารเบนซินในบรรยากาศ กรมควบคุมมลพิษกำหนดไว้ไม่เกิน1.7 มคก./ลบ.ม(เฉลี่ยรายปี) แต่ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด กับนิคมอุตสาหกรรมอาร์ไอแอล ไม่ค่อยยอมรับอ้างว่ามาตรฐานที่กำหนดดังกล่าวเข้มงวดไป ควรพิจารณาของต่างประเทศเป็นหลัก เมื่อพิจารณามาตรฐานของประเทศญี่ปุ่นได้กำหนดค่าเฉลี่ยรายปีของสาร Benzeneไม่เกิน 3.0 มคก./ลบ.ม ประเทศสหรัฐอเมริกา และอังกฤษกำหนดค่าเฉลี่ยรายปีไม่เกิน 5.0 มคก/ลบ.ม.หากตรวจพบว่ามีค่าเกินจากค่าที่กำหนดดังกล่าวกฎหมายบังคับจะต้องค้นหาแหล่งกำเนิด และต้องทำการปรับปรุงแก้ไขโดยเร็ว

รวมทั้งต้องทำการเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนอย่างต่อเนื่องทันที อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับไปดูผลการตรวจวัดสารเบนซินในบรรยากาศบริเวณชุมชนบ้านพลงซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศเหนือของโรงแยกก๊าซธรรมชาติมาบตาพุด และคลังก๊าซแอลพีจีขนาดใหญ่ และอยู่ด้านทิศใต้ของนิคมอุตสาหกรรมอาร์ไอแอล ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่แปรสภาพน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ พบว่า มีค่าสารเบนซินสูงกว่ามาตรฐานของญี่ปุ่นอเมริกา และอังกฤษค่อนข้างมาก คือ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2549-มิถุนายน 2558 มีค่าเฉลี่ยที่ 3.0-6.8มคก./ลบ.ม ส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 4.5-6.0มคก./ลบ.ม. การที่ชุมชนดังกล่าวมีปริมาณสารเบนซินเกินค่ามาตรฐานเฉลี่ยทั้งปีของประเทศไทย และต่างประเทศ แสดงว่าคนที่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวได้สูดดมเข้าไปทุกวัน รวมทั้งสูดดมสารตัวอื่นประกอบด้วยเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว จะมีความเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการเกิดความผิดปกติของไขกระดูก และโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว

ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงควรเข้าไปตรวจร่างกาย และเฝ้าระวังสุขภาพของชุมชนบ้านพลงโดยเร็ว รวมทั้งชุมชนอื่นๆ ด้วย ได้แก่ ชุมชนบ้านนพเกตุ ชุมชนบ้านตากวนเป็นต้น และหน่วยงานอนุญาตจะต้องเร่งตรวจสอบโรงงานที่มีการระบายสารดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเพื่อลดปริมาณสาร Benzene ในบรรยากาศให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานโดยเร็ว
กำลังโหลดความคิดเห็น