ระยอง - เผยรายงานผลจากการติดตามตรวจสอบปริมาณสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศ (VOCs) ของกรมควบคุมมลพิษ พบคุณภาพอากาศที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง เกินมาตรฐาน เลขาธิการสมาคมอนามัยสิ่งแวดล้อมชี้มีผลต่อประชาชนเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจ และโรคมะเร็ง
จากรายงานผลจากการติดตามตรวจสอบปริมาณสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศ (VOCs) ของกรมควบคุมมลพิษ (รายงาน ณ วันที่ 27 ก.ค.58) พบว่า ตั้งแต่เดือนกันยายน 2549 ถึงมิถุนายน 2558 มีสารอินทรีย์ระเหยง่าย มีค่าความเข้มข้นเกินค่ามาตรฐานเฉลี่ยรายปี
ได้แก่สาร 1, 3 - Butadiene เป็นแก๊สที่มีคุณสมบัติก่อมะเร็งเม็ดเลือดขาว และมะเร็งน้ำเหลืองตรวจพบเกินมาตรฐานบริเวณโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลมาบตาพุด โรงเรียนวัดหนองแฟบ สถานีเมืองใหม่มาบตาพุด ชุมชนบ้านพลง หมู่บ้านนพเกตุ
โดยในช่วงเดือนกรกฎาคม 2557-มิถุนายน 2558 มีค่าสูงสุดที่สถานีเมืองใหม่มาบตาพุด ระหว่าง 1.5-2.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานรายปีไม่เกิน 0.33 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) สาร Chloroform ตรวจพบเกินมาตรฐานบริเวณโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลมาบตาพุด โรงเรียนวัดหนองแฟบ ศูนย์บริการสาธารณสุขบ้านตากวน
โดยในช่วงเดือนกรกฎาคม 2557-มิถุนายน 2558 มีค่าสูงสุดที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลมาบตาพุดระหว่าง 1.8-2.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานรายปีไม่เกิน 0.43 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)
สาร 1, 2-Dichloroethane คือ ใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิต vinyl chloride เพื่อนำไปใช้ทำผลิตภัณฑ์ polyvinylchloride ตรวจพบเกินมาตรฐานบริเวณโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลมาบตาพุด วัดมาบชลูด โรงเรียนวัดหนองแฟบ สถานีเมืองใหม่มาบตาพุด ชุมชนบ้านพลง ศูนย์บริการสาธารณสุขบ้านตากวน หมู่บ้านนพเกตุ
โดยในช่วงเดือนกรกฎาคม 2557-มิถุนายน 2558 มีค่าสูงสุดที่สถานีเมืองใหม่มาบตาพุด ระหว่าง 3.0-4.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานรายปีไม่เกิน 0.40 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) และสาร Benzene ตรวจพบเกินมาตรฐานบริเวณโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลมาบตาพุด สถานีเมืองใหม่มาบตาพุด ชุมชนบ้านพลง ศูนย์บริการสาธารณสุขบ้านตากวน และหมู่บ้านนพเกตุ โดยในช่วงเดือนกรกฎาคม 2557-มิถุนายน 2558 มีค่าสูงสุดที่ชุมชนบ้านพลง ระหว่าง 5.0-6.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร(ค่ามาตรฐานรายปีไม่เกิน 1.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)
นายสนธิ คชวัฒน์ เลขาธิการสมาคมอนามัยสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า จากข้อมูลผลการตรวจวัดปริมาณสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศ หรือ VOCs รอบๆ พื้นที่มาบตาพุด มีค่าเกินมาตรฐานการเฝ้าระวังรายปีมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้น ทำให้ประชาชนที่อาศัยใกล้เคียงต้องสูดดมสารดังกล่าวเข้าไปทุกวัน และสูดดมเข้าไปทุกตัวพร้อมกันด้วย จึงอาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัยในระยะยาว ทั้งโรคระบบทางเดินหายใจ และโรคมะเร็งได้
ข้อมูลสาร Benzene เป็นสารที่ได้จากกระบวนการกลั่นน้ำมัน แก๊สธรรมชาติ น้ำมันดิน และเป็นส่วนผสมอยู่ในน้ำมันแก๊สโซลีน การสัมผัสในระยะยาวจะมีผลกดไขกระดูก ทำให้เกิดความผิดปกติทางระบบเลือด และยังมีรายงานพบความสัมพันธ์ต่อการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาวด้วย
ข้อมูลสาร 1, 3- Butadiene เป็นผลผลิตที่เกิดขึ้นจากโรงงานปิโตรเคมี และยังใช้เป็นสารตั้งต้นในอุตสาหกรรมยางสังเคราะห์ รวมทั้งใช้ในการผลิตพลาสติกทนความร้อน ผู้ที่สัมผัสมีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งในระยะยาว ต้องทำการเฝ้าระวังมะเร็งระบบเลือด และระบบน้ำเหลือง ข้อมูลสาร Chloroform ใช้เป็นตัวทำละลายในสารเคมีหลายประเภท เช่น อยู่ในส่วนผสมของกาว ทินเนอร์ แล็กเกอร์ น้ำยาทำความสะอาด ยาฆ่าแมลง น้ำยาฟอกขาว การสัมผัสคลอโรฟอร์มระดับต่ำๆ ในระยะยาวจะทำให้มึนงง อ่อนเพลีย ง่วงซึม ความจำไม่ดี พบข้อมูลการก่อมะเร็งตับ ไต และลำไส้ใหญ่ในหนูทดลอง ส่วนข้อมูลในคนนั้นยังไม่มีหลักฐานยืนยันที่ชัดเจน
สาร 1, 2-Dichloroethane ใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตไวนิล คลอไรด์เพื่อนำไปใช้ทำผลิตภัณฑ์พีวีซี ผลระยะยาว หรือการได้รับบ่อยๆ จะมีพิษต่อ ตับ ไต จัดเป็นสารก่อมะเร็งในสัตว์และอาจจะเป็นสารก่อมะเร็งในคนได้
ดังนั้น หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องต้องเร่งดำเนินการสืบค้นที่มาของสารเหล่านี้จากโรงงานต่างๆ ในพื้นที่มาบตาพุด และใช้กลไกของการประกาศเขตควบคุมมลพิษในจังหวัดระยอง หามาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน
รวมทั้งทำการเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ที่มีค่าสารอินทรีย์ระเหยง่ายเกินมาตรฐาน นอกจากนี้ ภาครัฐยังไม่ควรอนุญาตให้มีการสร้างโรงงานใหม่ หรือขยายกำลังการผลิตสำหรับโรงงานที่มีการระบายสารเคมีดังกล่าวสู่บรรยากาศ เนื่องจากจะไปก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนมากยิ่งขึ้น