ภญ.เนตรนภิส สุชนวนิช รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากคณะกรรมการ(บอร์ด) สปสช.อนุมัติเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านยาที่มีราคาสูง 4 รายการ ในกลุ่มบัญชี จ (2) ให้ผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) เข้าถึงการรักษามากขึ้นโดยได้แต่ 1.ยาทราสทูซูแมบ (Trastuzumab) ที่ใช้รักษามะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้นนั้นในไตรมาสแรกพบผู้ป่วยเข้าถึง 99 คนจากที่ตั้งเป้าไว้ 175 คน ภายใต้งบประมาณ 80.90 ล้านบาท และในปี 2559 ตั้งเป้าการเข้าถึงผู้ป่วย 350 คน งบประมาณ 162.80 ล้านบาท
2.ยานิโลทินิบ (Nilotinib) ยารักษาผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรัง ชนิดมัยอีลอยด์ ในกรณีที่ไม่สามารถใช้ยาอิมาทินิบ (Imatinib) ที่เป็นยารักษาพื้นฐานได้มีผู้ป่วยรายใหม่ได้รักษา 404 คน
3.ยาดาซาทินิบ (Dasatinib) ใช้รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในรายที่ไม่สามารถใช้ยาอิมาทินิบและยานิโลทินิบได้มีผู้ป่วยรายใหม่ได้รักษาด้วยยานี้ 37 คน
4.ยาเพคอินเตอร์เฟอรอน (Peginterferon)ที่มีการขยายเพิ่มเติมกลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีร่วมด้วย และผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี สายพันธุ์ 1 หรือ 6 มีผู้ป่วยเข้าถึงการรักษา 548 คน ซึ่งจากการศึกษาของไฮแทปพบว่า 995 ล้านบาท ใน 5 ปี เมื่อเทียบกับการรักษาแบบประคับประคองที่จะใช้สูงถึง 88,904,400 ล้านบาท
2.ยานิโลทินิบ (Nilotinib) ยารักษาผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรัง ชนิดมัยอีลอยด์ ในกรณีที่ไม่สามารถใช้ยาอิมาทินิบ (Imatinib) ที่เป็นยารักษาพื้นฐานได้มีผู้ป่วยรายใหม่ได้รักษา 404 คน
3.ยาดาซาทินิบ (Dasatinib) ใช้รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในรายที่ไม่สามารถใช้ยาอิมาทินิบและยานิโลทินิบได้มีผู้ป่วยรายใหม่ได้รักษาด้วยยานี้ 37 คน
4.ยาเพคอินเตอร์เฟอรอน (Peginterferon)ที่มีการขยายเพิ่มเติมกลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีร่วมด้วย และผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี สายพันธุ์ 1 หรือ 6 มีผู้ป่วยเข้าถึงการรักษา 548 คน ซึ่งจากการศึกษาของไฮแทปพบว่า 995 ล้านบาท ใน 5 ปี เมื่อเทียบกับการรักษาแบบประคับประคองที่จะใช้สูงถึง 88,904,400 ล้านบาท